การใช้ชีวิตของคนเราก็ไม่ต่างอะไรกับการลงทุนในธุรกิจ ไม่เคยมีอะไรที่เราได้มันมาฟรีๆ บางอย่างเลกได้ด้วยเงิน บางอย่างเเลกได้ด้วยใจ บางอย่างเเลกด้วยเวลา
น่าแปลกตรงที่ว่า สิ่งที่เราเเลกมาถ้าเป็นเรื่องของความสัมพันธ์แล้ว นักลงทุนแบบเรา ไม่เคยประเมินการลงทุนเลยว่าได้ “ใช้จ่าย” กับสิ่งนั้นๆไปเท่าไหร่ หรือนานเเค่ไหนเเล้วต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญซักคนมาบอกว่าให้เราหยุด เราก็ยังพร้อมจะหาเหตุผลซึ่งไม่เคยเป็นเหตุผลที่เเท้จริงมาสนับสนุนการเพิ่มทุนของเราทุกครั้งไป
ศัพท์ทางบัญชีมีคำว่า Sunk cost ซึ่งแปลว่าสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้งอกงามอะไร ถือไว้ก็มีเเต่จะขาดทุน คำเเนะนำบอกไว้ว่าให้ตัดทิ้งจากบัญชีไปซะ ไม่ต้องสนใจว่าลงทุนกับมันมาเท่าไหร่เเล้ว ไม่ต้องหวังว่ามันจะดีขึ้น เพราะทางที่เห็นเเน่ๆคือมีเเต่จะเข้าเนื้อต่อไปเรื่อยๆ
มันคงจะดีถ้าคนเรามีการประเมินความสัมพันธ์เหมือนสินทรัพย์ บางคนตอนมีไว้ในชีวิตไม่ได้คิดอะไร แต่ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มมูลค่า หายากและควรเก็บรักษา บางคนกว่าจะมาเป็นเพื่อนหรือคนรู้ใจก็ใช้สิ่งดีๆทุกอย่างเเลกมา มีไว้ก็คุ้มค่ากับการลงทุน
แต่ปัญหาของชีวิตคนเรามักจะเกิดกับคนเเบบที่เราใช้ทุกอย่างเเลกมา เพื่อจะมาพบว่าเป็นแค่ของก๊อปเกรด A ที่เศร้าใจก็คือเรายังไม่กล้าทิ้งไปจากชีวิต เพราะจ่ายมาเเพง ก็ยังสู้ทนจ่ายค่า Maintanance ต่อไป หลอกตัวเองว่าของก๊อปอาจจะกลายเป็นของเเท้ขึ้นมาสักวัน เเต่วันนั้นไม่เคยมาถึง
ประเมินทรัพย์สินชีวิตทั้งทางโลกและทางใจกันดีๆ ล้างหนี้ Sunk cost ทิ้งไป น่าจะทำให้เรามีพื้นที่และกำลังเพียงพอจะหาสิ่งใหม่ๆที่ดีและคุ้มค่ากว่าเข้ามาทดแทน
ชีวิตเรามีค่าเกินกว่าจะแลกกับอะไรที่ไม่คู่ควร เก็บให้ได้ เเละทิ้งให้เป็น คือศิลปะอย่างหนึ่งของการใช้ชีวิต
เรียบเรียงโดย ศศผกา วิรชา