เมื่อเข้ายุคดิจิตอลอย่างเต็มตัว เราต่างเห็นคนประสบสำเร็จกันมากขึ้น โดยที่อายุ เพศ การศึกษา ไม่ใช่อุปสรรคสำคัญอีกต่อไป แต่ตัวเลขของคนที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้แปลว่าการแข่งขันในโลกยุคนี้จะลดลง ตรงกันข้ามเรากลับเห็นผู้คนต่างหาวิธีการแข่งขันในรูปแบบที่เป็นตัวเองกันมากขึ้น เพื่อสร้างความโดดเด่น และกลายเป็นที่จดจำต่อผู้พบเห็น
แต่ต้องถือเป็นเรื่องที่ดีนะคะ เพราะการแข่งขันที่สูง คือแรงผลักที่ดี ทำให้เรายิ่งต้องรีบหา จุดแข็งของตัวเองให้เจอและก้าวข้ามความกลัวที่จะ “คิดตรงข้ามกับ คนอื่นไปบ้าง” ซึ่งถ้าคุณอยากต่าง แต่ติดที่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง?
วันนี้ Learning Hub มีหนังสือ “ไม่ว่าจะคิดอะไร ให้คิดตรงกันข้าม” Whatever You Think, Think the Opposite. มารีวิวให้คุณค่ะ
หนังสือเล่มนี้เป็นฝีมือจากปลายปากกาของ “พอล อาร์เดน” ชายผู้ที่เรซูเม่สมัครงาน ไม่สวยงามเอาเสียเลย เพราะถูกไล่ออกจากบริษัทถึง 5 ครั้ง เพียงเพราะคิดต่างจากคนอื่น แต่ปัจจุบันเค้ากลายเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ มีผลงานตีพิมพ์มาแล้วหลายเล่ม เช่น “ครีเอทีฟ ต็อดท์”
แถมยังได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดครีเอทีฟของวงการโฆษณาในประเทศอังกฤษ ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนๆ ต่างต้องการตัว
และเมื่อเป็นหนังสือของครีเอทีฟ ไม่ว่าคุณจะเป็นครีเอทีฟหรือไม่ ก็ถือว่าหนังสือเล่มนี้สามารถตอบสนองความต้องการของ “คนอยากแตกต่าง” ได้เป็นอย่างดีค่ะ
ถ้าพูดถึงสิ่งที่น่าสนใจของเล่มนี้ จุดเด่นต้องยกให้กับการรวบรวมความคิดที่ “แตกต่าง แต่ทว่าสำเร็จของคนธรรมดา ที่กลายเป็นตำนานระดับโลกไปแล้วหลายต่อหลายคน”
ยกตัวอย่างเช่น ช่วงก่อนกีฬาโอลิมปิก 1968 ที่เม็กซิโก คุณอาจจะคุ้นเคยกับกีฬากระโดดสูงเป็นอย่างดี ภาพจำของเราคือนักกีฬาทุกคน พยายามจะใช้วิธีพุ่งไปข้างหน้า ให้ขนานกับไม้พาด เพื่อกระโดดให้สูงที่สุด ซึ่งเป็นเทคนิคที่เรียกว่า เวสเทิร์น โรลล์
แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อ “ดิก ฟอสแบรี” เลือก “ทำตรงกันข้าม” กับนักกระโดดสูง ทุกคนด้วยการ “หันหลังให้ไม้พาด” แทนที่จะหันหน้าเข้าหามัน ผลลัพธ์คือเขา กระโดด ได้สูงกว่าใครๆ จนเทคนิคนั้น ถูกใช้กันเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ในชื่อ “แฟแบรี ฟลอป”
ไม่เพียงแต่ความต่างที่ “พอล อาร์เดน” เลือกมารวบรวมไว้ให้คุณ แต่รับรองว่ายังมีอีกหลายประโยคในหนังสือเล่มนี้ ที่อ่านแล้วคุณอาจจะหันมาย้อนดูตัวเองในทันที!
เช่น “บางทีสิ่งที่ฉลาดที่สุด คือการทำตัวไม่ฉลาดจนเกินไป” และยิ่งถ้าใคร ชอบรูปสวยๆ ความหมายดีๆ คุณย่อมไม่น่าพลาดหนังสือเล่มนี้ด้วยประการทั้งปวง เพราะแทบ 100% ของหนังสือ เน้นใช้รูปสื่อสารกับคนอ่าน แต่ถ้านับความคุ้มค่าคง แพ้หนังสือเล่มอื่นๆ เพราะเนื้อหา “น้อยกว่า” ที่คาดหวังไว้เยอะเลย
แม้หนังสือเล่มนี้จะมีเนื้อหาสั้นกระชับ แต่สำหรับผู้เขียนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว กลับมองว่ามันคุ้มค่า และถ้าคุณคือคนหนึ่งที่ต้องการสิ่งกระตุ้นให้ตัวเองกล้าคิดอะไรใหม่ๆ อย่าลังเลที่จะซื้อหามาอ่าน อย่างที่ “พอล อาร์เดน” ทิ้งท้ายไว้ในหน้าเกือบทสุดท้ายว่า
“โลกนี้เป็นอย่างที่คุณคิด ดังนั้นจงคิดถึงมันให้ต่างไปจากเดิม
แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไป”
…อ่านประโยคนี้จบ คงต้องถามผู้อ่านกลับบ้างแล้วล่ะค่ะว่า “วันนี้คุณพร้อมจะแตกต่างจากคนอื่น แล้วหรือยัง?”