มนุษย์เรานั้น จะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับความรู้สึกนึกคิด คิดดี ก็จะมีความสุข คิดไม่ดี จิตใจก็จะเป็นทุกข์ เชื่อไหมว่า แม้สถานการณ์ภายนอกจะไม่เปลี่ยนเลย แต่หากเราสามารถปรับความคิดได้ ความสุขก็จะเกิดขึ้นในทันที
ฉะนั้นแล้ว จะดีกว่าไหม ถ้าเราสามารถฝึกความคิดตัวเอง ให้โฟกัสหรือจดจ่อในสิ่งที่ดีๆได้ เพราะมันจะทำให้เราพบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในขณะที่คนคิดแง่ลบ ก็จะเจอแต่เรื่องแย่ๆในชีวิตทุกวัน
ต่อไปนี้เป็น “5 เทคนิค ปรับความคิด ชีวิตเป็นสุข” ที่เรารวบรวมมาให้ท่านได้ลองใช้กัน
1.รู้เท่าทันความคิด
ไม่ปล่อยให้ความคิด ล่องลอยไปมาบ่อยๆ คนเรา ถ้าไม่เคยสังเกตดูความคิดของตัวเองแล้ว ก็จะไม่รู้ได้เลยว่า วันหนึ่งๆนั้น ความคิดเรา เกิดขึ้นมา และดับไป มากมายขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็น คิดเรื่องงาน เรื่องแฟน เรื่องเงิน หรือเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกมากมายสารพัด เชื่อหรือไม่ ความคิดกว่า 90% ในแต่ละวัน ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้เราเลย บางครั้งกลับจะทำร้ายเราเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเรารู้เท่าทันความคิดได้แล้ว จะทำให้เรามีสติอยู่กับตัวเองมากขึ้น และเราจะรู้ตัวตลอด ว่าตอนนี้เรากำลังคิดอะไรอยู่ หรือกำลังจะทำอะไรต่อไป ไม่เชื่อ ท่านก็ลองสังเกตความคิดของตัวเองดูสิครับ แล้วท่านจะรู้เลยว่า ที่ท่านทุกข์ หรือหาความสุขไม่ได้อยู่นั้น ที่แท้ก็มาจากสิ่งที่ท่าน เป็นคนคิดมันขึ้นมา ทั้งนั้นเอง
Tips: ลองนั่งเงียบๆสักวันละ 5-10 นาที โดยไม่ต้องทำอะไร เพียงแต่ใช้ฝึก “รู้สึกตัว” เพื่อสังเกตความคิดของตัวเอง ความคิดเกิดขึ้นอย่างเป็นอัตโนมัติ มันจะแปรเปลี่ยนไปอยู่แล้วตามธรรมชาติ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปบังคับมัน เพียงแต่ให้เรา “รู้เท่าทัน” ก็พอ
2.อย่าประมาทความคิด
ก็แค่คิดเฉยๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ผิดหรอก นี่เป็นสิ่งที่หลายๆท่านเคยทำ หรือกำลังทำอยู่ แต่ขอให้ท่านระวังเรื่องนี้ ไว้สักหน่อยก็ดีนะครับ เพราะเมื่อคนเรา คิดเรื่องใดซ้ำๆในทุกๆวัน บางที่ อาจจะเผลอทำสิ่งที่คิดลงไป โดยที่เราไม่ทันระวังตัวก็เป็นได้ ถ้าเป็นเรื่องที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแล้ว ท่านจะพบกับความเสียใจอย่างแน่นอนที่สุด เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าประมาทกับความคิดกันนะครับ แม้มันจะเป็นแค่เพียง ความคิดเฉยๆก็ตาม
Tips: หากเมื่อไหร่รู้สึกตัวว่ามีความคิดที่ไม่ดีต่อคนอื่น ขอให้มองเข้าไปให้ลึกว่า เรารู้สึกอย่างไร และต้องการอะไรจากเรื่องนี้กันแน่ ทำความเข้าใจตัวเองด้วยเหตุผล และปรับความคิดให้เป็นกลาง ก่อนที่มันจะกลายเป็นการกระทำที่เราอาจต้องมาเสียใจทีหลังนะครับ
3.อยากเป็นคนแบบไหน ให้คิดเหมือนคนแบบนั้น
พลังของความคิดนั้น มีมากจนบางทีเราก็คาดไม่ถึงเลยทีเดียวนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ผมเคยอยากลดน้ำหนัก แต่ทำอย่างไรก็ลดไม่ได้สักที ใช้หลายวิธี แม้จะลดลงไปบ้าง แต่ในที่สุดน้ำหนักก็จะกลับมาเท่าเดิม ผมก็เลยลองมาสังเกตตัวเอง ว่ามีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่อง “การกิน”
ผมพบว่า แนวความคิดในการกิน คือ “กินอย่าให้เหลือ เพราะเสียดายของ” ซึ่งคนที่คิดแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็น “คนอ้วน” ครับ นิสัยของผม เมื่อไปกินข้าวกับใคร ถ้าเห็นอาหารเหลือในจานกลาง ผมก็จะเก็บกวาดจนเกลี้ยงจาน เมื่อมีวิธีคิดแบบคนอ้วน จึงไม่แปลกเลยที่ผมอ้วน พอรู้แบบนี้ ผมเลยลองไปคุยกับคนผอม คนใกล้ตัวในบ้านที่ผอมก็คือ คุณยาย ซึ่งแนวคิดในการกินของคุณยายคือ “กินแค่พออิ่ม เหลือก็เก็บไว้มื้อต่อไป” พอผมเปลี่ยนแนวคิดเป็นแบบคุณยาย กินแค่พออิ่ม ไม่ได้กินให้อิ่มจนจุก ไม่นานนัก น้ำหนักผมก็ค่อยๆลดลงอย่างมาก แถมประหยัดเงินด้วย
Tips: หากเรายังมีนิสัยไม่ดีที่ยังแก้ไม่ได้ เป็นไปได้ว่าเรามีแนวคิดที่ไม่โอเค ขอให้สำรวจแนวคิดนั้นว่ามันทำลายตัวเราอย่างไร ตั้งเป้าหมายที่เราต้องการ แล้วไปค้นหาแนวคิดที่ส่งเสริมเป้าหมายนั้นจากคนอื่นๆมา จำไว้ว่า “อยากเป็นคนแบบไหน ต้องรู้จักคิดให้เหมือนกับคนแบบนั้น”
4.อยู่ในสังคมแบบไหน ก็เป็นคนแบบนั้น
สังคม สถานที่ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ เป็นสิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลอย่างสูง ต่อคนที่อยู่ในสถานที่ หรือสภาพแวดล้อมนั้นๆ มันจะหล่อหลอมเข้าไปอยู่ในตัวคนๆนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นทุกวันๆ จนกลายเป็นนิสัยหนึ่งของชีวิตเขาไปแล้ว
คนเราจะถูกดึงดูดให้ไปเจอกันคนประเภทเดียวกันเสมอ แม้ว่าตอนแรกเราจะไม่ได้เป็นคนแบบนั้น แต่ถ้าหากคลุกคลีกับคนแบบใดแบบหนึ่งนานๆ ก็มีแนวโน้มที่เราจะเอนเอียง ไปคิด ชอบ ทำ ในรูปแบบนั้นเช่นกัน ถ้าใครอยากมีความสุข แต่กลับไปเข้ากลุ่มกับเพื่อนที่ชอบนั่งเม้าท์นินทา หรือตามดูเพจดราม่าเป็นประจำ แบบนี้จะหาความสุขได้จริงหรือ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราอยากมีความคิดที่ดี ก็ต้องหาจุดเริ่มต้นที่ดี ให้กับตัวเราเอง เริ่มจากพาตัวเอง ไปอยู่ในสถานที่ หรือสภาพแวดล้อมที่ดีๆก่อนเลย
Tips: เคล็ดลับในการเปลี่ยนนิสัย ก็คือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ผู้คนที่คบ หรือการหาสังคมใหม่ๆ เช่น การไปเข้าสัมมนา เราจะเจอเพื่อนที่มีพลังงานดีๆ และแน่นอน เค้ามักจะนำพาโอกาสดีๆมาให้เราด้วย
5. มองปัญหา ให้เห็นเป็นโอกาส
คนที่ประสบความสำเร็จได้นั้น เขาจะไม่มองปัญหาที่เกิดขึ้น ว่ามันเป็นปัญหาแบบที่เรามองกัน แต่เขาเหล่านั้นจะมองมันเป็นโอกาส ให้ได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ที่เขาคิดได้แบบนั้น เพราะว่าเขารู้จักที่จะคิด และได้แง่คิดเพราะผ่านล้มเหลวมาก่อนแล้ว คนเราถ้าไม่เคยได้ฝึกคิด หรือ ผ่านการคิดแบบนี้มาก่อนแล้วนั้น จะไม่สามารถคิดในแบบนี้ได้เลย ถ้าอยากประสบผลสำเร็จ จงหมั่นฝึกฝนความคิดของตัวเองทุกวันๆนะครับ “ฝึกมองปัญหา ให้เห็นเป็นโอกาส” แล้วท่านจะไม่กลัวปัญหา ที่จะเข้ามาในชีวิตของท่านอีกเลย เพราะทุกปัญหาที่ผ่านเข้ามานั้น มันจะกลายเป็นโอกาส ให้ท่านได้ก้าวข้ามไป เพื่อพบกับความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตของท่านนั่นเอง
Tips: เมื่อเจอปัญหา หรือเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ให้เตือนตัวเองว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมดีเสมอ” ในระยะสั้นอาจดูไม่โอเค แต่ในระยะยาว เรื่องนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ เติบโต และมีชีวิตที่ดีกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
สุดท้าย ความสุขที่ได้จากการปรับความคิดที่ดีที่สุด ก็คือ การหยุดคิด เหมือนที่พุทธศาสนาสอนไว้เรื่องการปล่อยวาง การปล่อยวางก็คือ วางเฉย กับสิ่งต่างๆ หรือความคิด ที่เกิดขึ้นมา ณ ขณะนั้นๆ การรู้จักปล่อยวาง จะทำให้ใจเรา ไม่มีความยึดมั่นถือมั่น เมื่อไม่ยึดมั่นถือมั่นแล้ว ท่านก็จะไม่เป็นทุกข์กับเรื่องอะไรเลย เพราะท่านจะไม่ยึดติดกับอะไร
การยึดติดนั้น คือ อยากให้ได้ อยากจะมี อยากให้เป็นดังใจเรา ยิ่งยึดมาก ยิ่งทุกข์มาก ซึ่งสิ่งที่ว่านี้ เป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุด หากท่านทำได้แค่เพียงเล็กน้อย ท่านก็จะรับรู้ได้ทันทีเลยว่า ใจของท่านนั้น มีความสงบเพียงใด
ขอให้ทุกท่าน ได้ลองกลับไปพิจารณาฝึกจิต ฝึกความคิด ของตัวท่านดู ได้ผลดีประการใด อย่าลืมแชร์เทคนิคดีๆนี้ ให้กับเพื่อนๆ หรือคนที่ท่านรัก ด้วยนะครับ
บทความโดย Learning Hub Team