“เวลาเป็นเหรียญที่มีค่าที่สุดในชีวิตของคุณ คุณและคุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้กำหนดว่าเหรียญนั้นจะถูกใช้ไปอย่างไร สิ่งหนึ่งที่คุณต้องระวังคือ..อย่าให้ใครมาเป็นคนกำหนดหรือใช้มันไปแทนคุณ” – จอห์น ดรายเด็น
การบริหารเวลาเป็นทักษะที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จทั้งในอาชีพของคุณและชีวิตส่วนตัว เชื่อเถอะค่ะว่า ความสามารถในการบริหารจัดการเวลาที่คุณสร้างมันในวันนี้จะช่วยคุณไปได้ตลอดขีวิตเลยทีเดียวค่ะ
วันนี้เรามี 10 เคล็ดลับที่ไม่ลับ ที่จะช่วยพัฒนาความสามารถในการบริหารเวลาของคุณได้ค่ะ
1.วางแผนเวลาทุกวัน
จัดแจงเวลาสักครึ่งชั่วโมงไว้วางแผนเวลาทั้งวันของคุณทุกวัน ใช่ค่ะ มันอาจจะฟังดูแปลกๆ ที่จะวางแผนในการวางแผน
แต่การจินตนาการ
หรือนึกถึงงานที่คุณตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องสำเร็จภายในวันนี้ และจัดเรียงลำดับความสำคัญของงานแต่ละงานจะสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพความสำเร็จและนึกภาพออกง่ายขึ้นว่าควรจะทำอย่างไร
2.เผื่อเวลาให้กับสิ่งรบกวนต่างๆบ้าง
ทุกครั้งที่ทำการนัดหมาย หรือลงตารางเวลางาน อย่าลืมเผื่อเวลาสำหรับสิ่งรบกวนต่างๆที่จะหยุดการทำงานของคุณชั่วคราวให้คุณทำงานได้ช้าลง
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ดัง มีงานด่วน หรือ อีเมลที่ไม่คาดคิดอาจจะเข้ามามากมาย ถ้าคุณพยายามที่จะนัดหมายใครต่อใครแบบเวลาชนเวลาเป๊ะๆ โดยที่ไม่ได้มีเวลาเว้นว่างหรือเผื่อเวลาไว้บ้างเลย
แน่นอนเลยค่ะว่าคุณจะไม่สามารถทำตามทุกนัดหมายได้ทันเวลาค่ะ
3.ถ้าไม่จำเป็นต้องตอบตอนนี้ ก็ยังไม่ต้องตอบ
ยอมรับเถอะค่ะว่าคุณไม่สามารถรับโทรศัพท์ทุกสายหรือตอบกลับทุกอีเมลได้ในทันที หากคุณจำเป็นต้องทำโปรเจคหรืองานของคุณให้เสร็จจริงๆ ก็ปล่อยให้โทรศัพท์ดัง
หรือ ปล่อยให้ไลน์ แชต หรือ ข้อความต่างๆดังไปก่อน อย่าตกอยู่ในกับดักของการโต้ตอบกับทุกสิ่ง ถ้ามันไม่ได้จำเป็นต้องมีการตอบรับจากคุณตอนนี้ ก็ยังไม่ต้องสนใจมันหรอกค่ะ
4.กำหนดเวลาการทำงานให้กับตัวเอง
ลองกำหนดเวลาของการทำงานแต่ละชิ้นให้ตัวเองตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันไม่ให้งานของคุณลากยาวเกินไป
เช่น หากคุณกำหนดไว้ว่า คุณต้องส่งอีเมลจำนวน x อีเมลให้เสร็จภายในเวลา Y ชั่วโมง การที่คุณจะถูกดึงความสนใจไปที่งานอื่นๆที่ยังไม่จำเป็นก็จะลดน้อยลง
อีกไอเดียหนึ่งที่ดีคือ การตั้งกำหนดเวลาเหล่านี้ในปฏิทินของคุณค่ะ เพื่อช่วยในการติดตาม และทำให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วยนะคะ
5.สรุปคร่าวๆทั้งก่อนและหลังการพูดคุย
ทุกครั้งก่อนการประชุม หรือการนัดหมาย หรือแม้แต่การคุยโทรศัพท์ ลองใช้เวลาสักนิดเพื่อคิดคร่าวๆ สรุปในใจของคุณก่อนว่าสิ่งที่คุณต้องการจากการประชุม หรือนัดหมายหรือการคุยในครั้งนี้คืออะไร
วิธีนี้จะทำให้คุณเห็นภาพความสำเร็จก่อนที่จะเริ่มต้นลงมือทำ หลังการประชุม การนัดหมาย หรือการคุยโทรศัพท์
ลองใช้เวลาอีกสักนิดในการสรุปว่าคุณได้อะไรจากการประชุม หรือการคุยครั้งนี้บ้าง
วิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้นในระหว่างการประชุม หรือการคุยของคุณ
แต่ยังจะช่วยให้คุณมีประสิทธิภาพในการพูดคุยมากขึ้น และท้ายที่สุด คุณก็จะได้รับสิ่งที่คุณต้องการได้เร็วขึ้นอีกด้วยค่ะ
6.ทฤษฎี 80/20
“กฏแห่งทฤษฎีของพาเรโต้” ระบุว่า 80 เปอร์เซนต์ของความสำเร็จของคุณ มาจากกิจกรรม 20 เปอร์เซนต์ ในตลอดทั้งวันของคุณ พยายามลองนึกสิคะว่า
กิจกรรมที่นับเป็น 20 เปอร์เซนต์ของคุณมีอะไรบ้าง และพยายามค่อยๆแทรกกิจกรรมเหล่านั้นเข้าไปในแต่ละวันของคุณมากขึ้น และค่อยๆเพิ่มเวลาให้กับมันมากขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ
7.รู้จักแบ่งงานให้คนอื่นบ้าง
บางคนอาจจะรู้สึกอึดอัด หรือ ไม่ค่อยถนัดในการมอบหมายงานต่างๆที่อยู่ในมือไปให้ลูกน้องหรือคนอื่นๆ
สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งดีในระยะยาวนะคะ สิ่งที่ดีกว่าคือ การค่อยๆเรียนรู้ที่จะแบ่งงาน โดยเริ่มจากงานที่ไม่ค่อยสำคัญมากนักไปให้คนอื่นได้ทำบ้าง
หรือจ้างคนอื่นที่เชี่ยวชาญกว่ามาทำ ในกรณีที่สามารถทำได้ดีกว่าค่ะ
8.ทำงานที่คล้ายๆกันในทีเดียว
รวบรวมงานที่คล้ายๆกันมาทำพร้อมกันในทีเดียว เช่น หากคุณต้องโทรศัพท์หาคนหลายๆคนในวันนั้น
หาเวลาสักครู่แยกตัวออกมาจากทุกๆงาน และคุยโทรศัพท์ให้เสร็จในทีเดียวไปเลยค่ะ
9.เด็ดขาดกับเวลาในการประชุม
คุณต้องเด็ดขาดกับการประชุมค่ะ โดยคุณควรจะกำหนดวาระ หัวข้อการประชุมและกำหนดเวลาของแต่ละหัวข้อ
อย่าปล่อยให้ผู้เข้าร่วมประชุมลากยาวหรือนอกเรื่องมากจนเกินไป มีสถิติว่าโดยเฉลี่ยแล้ว พนักงานออฟฟิศใช้เวลาอยู่ในห้องประชุมถึง 16 ชั่วโมงในหนึ่งสัปดาห์
ซึ่งโดยประมาณ 4 ชั่วโมงใน 16 ชั่วโมงที่ว่านี้ ถือเป็นเวลาที่สิ้นเปลืองไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะฉะนั้น เราควรจะเอาเวลาที่สิ้นเปลืองนั้น ไปทำงานอย่างอื่นกันดีกว่าค่ะ
10.เมื่อต้องโฟกัส ก็ต้องโฟกัส
กำจัดสิ่งรบกวนสมาธิเมื่อคุณต้องการที่จะโฟกัสกับงานของคุณ ซึ่งอาจจะหมายถึง การไปนั่งทำงานในห้องที่เงียบสงบ
หรือใส่หูฟังเพื่อป้องกันเสียงรบกวนในออฟฟิศ พยายามอย่าเปิดเว็บไซต์สื่อสังคมต่างๆบนเบราเซอร์ของคุณไว้นะคะ
นอกซะจากเว็บเหล่านั้นจะมีความจำเป็นต่องานของคุณค่ะ
ในขณะที่คุณฝึกฝนศิลปะในการควบคุมเวลา มันคือการฝึกการควบคุมตนเองค่ะ และท้ายที่สุด คุณก็จะพบว่า เมื่อคุณฝึกตัวเองได้ คุณก็สามารถควบคุมส่วนอื่นๆในชีวิตของคุณให้มันเป็นไปในแบบที่คุณต้องการได้เฉกเช่นเดียวกัน
และเมื่อคุณถามตัวเองว่า “ใครเป็นคนควบคุมชีวิตของฉันกันนะ?” คุณจะรู้ว่าคำตอบนั้นคืออะไร ใช่มั้ยล่ะคะ
ให้โอกาสตัวเองเรียกชีวิตที่กระฉับกระเฉงของคุณคืนกลับมาได้แล้ว…ได้เวลาแล้วค่ะ!
ที่มาบทความ http://talentonline.com/