ชีวิตการทำงานที่รีบเร่งยุ่งเหยิงวุ่นวาย หลายๆครั้งอาจทำให้เราลืมที่จะหันกลับมาดูแลตัวเอง เรื่องคนอื่นมักสำคัญกว่าเรื่องของเราเสมอ และเรื่องของเราเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นมักจะผลัดวันประกันพุ่ง เพราะติดกับดักของเวลาจนกระทั่งร่างกายรวนและจิตใจท้อแท้สิ้นหวังหดหู่จนถึงกระทั่งไม่อยากทำอะไรและเกิดโรคต่างๆที่กระทบทั้งร่างกายและจิตใจ
การเติมพลังชีวิตของคุณไม่ควรที่จะหันมาเติม ณ เวลาที่พลังใกล้หมดหรือหมดแล้ว แต่ควรจะหมั่นเติมเรื่อยๆเพื่อที่คุณจะได้ไม่เสียเวลา ไม่เสียโอกาสในชีวิต และไม่เสียเงินมากมายในการแก้ปัญหาที่ทับถมสะสมกันมานาน
และไม่ว่าคุณจะสวมหัวโขนเป็นอะไร เช่น เป็นเจ้านายปกครองลูกน้อง เป็นสามีหรือภรรยา เป็นพ่อแม่ที่ดีของลูก เป็นพี่เลี้ยงหรือสมุนมือขวาของพ่อแม่ตัวเอง คุณก็ควรจะแบ่งเวลาให้กับตัวคุณเองเพื่อจะได้มีโอกาสเติมพลังขีวิตให้กับตัวเองอย่างแท้จริง
1.แบ่งเวลา 10-15 นาทีในการอยู่กับตัวเองทั้งตอนตื่นนอนและตอนกลางคืน
คุณอาจสวดมนตร์ ทำสมาธิ เขียนไดอารี่ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย เพื่อทำให้คุณได้หันมาโฟกัสและใส่ใจเสียงจากข้างในคุณจริงๆ ซึ่งคุณอาจเลือกกิจกรรมที่คุณรู้สึกทำแล้วมีความสุข
2.หา Coach ที่ทำให้คุณพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดีขึ้น
ซึ่ง Coach แต่ละคนจะดึงจุดแข็งของคุณออกมาทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ซึ่งส่งผลต่อทุกมิติการใช้ชีวิตของคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเงิน ความรักและสุขภาพ
3.จัดเวลาให้มีเวลาพักผ่อน 2-3 วันต่ออาทิตย์
คุณไม่ควรที่จะทำงานทุกวัน ควรจะมีวันพัก ที่ทั้งสมอง กายและใจได้พักอย่างแท้จริง เพื่อที่ว่าเมื่อคุณกลับไปทำงานเดิม จะได้มีพลังที่มากขึ้นและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ตั้งเวลา 5-10 นาที และไม่ควรเป็นเวลาที่ถูกรบกวนได้ง่าย
อาจเป็นช่วงก่อนนอนที่คุณเขียนบันทึกชีวิตประจำวันหรือเชียนสิ่งที่คุณต้องทำในวันรุ่งขึ้น คุณควรใช้เวลานี้สวดมนตร์และขอบคุณสิ่งดีๆเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นในวันนี้ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกว่าชีวิตนี้ของคุณดีจัง เป็นการปลดปล่อยระบายใจ และทำให้คุณรู้สึกถึงพลังบวกก่อนนอน และทำให้คุณนอนหลับสนิทมากขึ้น
5. มีสติและอิ่มเอมกับมื้ออาหารบนโต๊ะ
ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้า กลางวัน หรือเย็น ปิดสวิตช์มือถือซะ เอามือถือ แท็บเล็ต หรือ เทคโนโลยีต่างๆออกไปจากมิ้ออาหารของคุณ จงมีความสุขในขณะที่รับประทานอาหาร
6. อย่าทำให้บ้านหรือที่ทำงานรก
จัดการรถ บ้าน และที่ทำงานของคุณให้เรียบร้อย อย่าทำให้มันยุ่งเหยิงหรือรกรุงรัง การทำให้มันเป็นระเบียบเป็นสัดเป็นส่วน หาของง่ายขึ้นและทำให้ชีวิตคุณไม่เสียเวลา ไม่เสียพลังไปกับสิ่งเหล่านั้น ชีวิตคุณก็จะง่ายขึ้นและดีขึ้นด้วยการจัดบ้าน รถ และโต๊ะออฟฟิต
7.ลองนัดไปนวด หรือ สปา ซักอาทิตย์ละครั้ง
เพื่อทำให้ร่างกายคุณผ่อนคลาย และอารณ์คุณเบิกบาน อาจไม่จำเป็นที่จะต้องเป็น นวดเพียงอย่างเดียว การทำเล็บ และการทำหน้าก็ถือว่าเป็นการเติมพลังชีวิตให้เช่นกัน การเสริมสวยทำให้คุณรู้สึกมั่นใจและเป็นการเติมพลังชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่ง
8.ทำงานให้เสร็จก่อนกำหนด
ในแต่ละวันคุณอาจตั้งเวลาว่าต้องทำงานเสร็จก่อน 30 และถ้างานคุณเสร็จ 5 โมง นั่นก็จะทำให้คุณรู้สึกภูมิใจที่งานเสร็จก่อนและรู้สึกว่าชีวิตมประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการเติมไฟในการทำงานให้คุณอยากที่จะ Work Smart กับงานของคุณจริงๆ
9. กินข้าวกับเพื่อนอาทิตย์ละครั้ง
คุณควรนัดกินข้าวกับเพื่อนที่รู้ใจของคุณอาทิตย์ละครั้ง เพื่อที่จะเป็นการอัพเดชเรื่องราวของกันและกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และทำให้คุณรู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้งกับเรื่องราวของใครหลายๆคน
10.รู้จักคำว่าไม่ หรือ รู้จักพูดปฎิเสธบ้าง
ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำให้ทุกอย่างและให้ทุกคนพอใจกับคุณ การที่คุณรู้จักปฎิเสธในสิ่งที่คุณไม่ชอบ รู้สึกอึดอัดไม่แน่ใจว่าอยากทำมันหรือเปล่า นั่นจะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต และไม่ทำให้พลังชีวิตคุณหมดไปมากขึ้น
11. หาเวลาออกกำลังกายที่คุณรู้สึกว่าใช่
หรือกีฬาที่คุณรู้สึกว่านี่แหละคือตัวคุณ ทำให้คุณได้ปลดปล่อยและมีความคิดดีๆสร้างสรรค์คออกมา ทำให้ร่างกายคุณรู้สึกดีขึ้น และคุณก็รู้สึกดีขึ้นหลังจากได้ทำมัน เช่น การลงวิ่งมาราธอน การต่อยมวย การทำเล่นฟิตเนส หรือโยคะ
12. อยู่กับคนที่มีพลังบวก
สนุกสนาน ร่าเริง ไม่เจ้าอารมณ์ การที่คุณสนิทและอยู่ในวงเพื่อนแบบนี้มีสิ่งแวดล้อมแบบนี้จะทำให้คุณไม่เสียพลังชีวิต และมีพลังชีวิตมาขึ้น พวกเขาจะคอยสนับสนุนและอยู่เคียงข้างคุณทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายชีวิตได้ง่ายขึ้น
และเร็วขึ้น
13. ปิดมือถือและอุปกรณ์ไอทีทุกชนิดก่อนนอนตรงเวลาและห้ามโกงด้วย
ซึ่งจะทำให้คุณนอนหลับดีขึ้น สบายใจขึ้นและทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างแท้จริงมากขึ้นด้วย
14. จดลิสกิจกรรมใหม่ๆที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น
หรืออาจจะเป็นกิจกรรมที่ท้าทายซัก 2-3 อย่างในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เช่น ลงกิจกรรมเต้นลีลาศ ลงเรียนคอร์สทำขนม หรือไปต่างจังหวัด
15. ให้คุณตั้งเป้าหมายในด้านอื่นๆของชีวิตที่ไม่ใช่การทำงาน อาชีพ การเงิน
เช่น ครั้งล่าสุดที่คุณได้ทำอะไรบ้าๆ คุณทำอะไรครั้งแรกในชีวิตครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ คุณสามารถตั้งเป้าหมายทั้งเรื่องความรัก เรื่องของเพื่อน เรื่องอื่นๆที่กระชับความสัมพันธ์หรือเป็นการพัฒนาตัวเองได้ในระยะยาว
ลองออกจาก comfort zone ของตัวเอง ทำอะไรใหม่ๆเพื่อเติมพลังชีวิตและทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นหรือกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง