ความสุขเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก หลายคนต่างพยายามค้นหาวิธีสร้างและรักษาความสุข เช่น ทำเป้าหมายให้สำเร็จ ทำงานที่เจริญก้าวหน้า มีความสัมพันธ์ที่ดี เป็นต้น คุณอาจคิดว่าสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความสุขสมหวัง
อย่างไรก็ตามยังมีหลายคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแต่ไม่มีความสุข หลายคนมีสมาชิกในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแต่มีความทุกข์
ทั้งนี้ การบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ มีอาชีพที่มั่นคง หรือการมีความสัมพันธ์ที่ดีอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณมีความสุขได้ เนื่องจากในแต่ละวันพวกเขาอาจมีพฤติกรรมที่ทำลายความสุขของตนเองโดยไม่รู้ตัว
บทความนี้เปิดเผยความคิด 5 แบบที่ทำให้คนเราไม่มีความสุขในชีวิต หรือยิ่งคุณคิดคุณจะยิ่งห่างไกลความสุขมากขึ้น เมื่อคุณอ่านจบ ลองสำรวจว่าตนเองมีความคิดเหล่านี้บ้างหรือไม่ เพื่อที่จะปรับเปลี่ยนความคิด และทำให้ความสุขเพิ่มขึ้น
1) พยายามทำให้ผู้อื่นพอใจ (จนลืมนึกถึงตนเอง)
หากคุณลองย้อนดูว่าในชีวิตที่ผ่านมา การตัดสินใจทุกครั้งเป็นความคิดของตัวคุณเองหรือไม่ คุณเคยเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจเพื่อทำให้คนอื่นพอใจหรือไม่ บางทีมันอาจเป็นเรื่องราวเล็กๆน้อยๆ
เช่น ดูหนังเรื่องอะไร ทานข้าวร้านไหน เป็นต้น หรือบางทีมันอาจเป็นการตัดสินใจที่สำคัญต่อชีวิตของคุณ เช่น การเลือกสาขาวิชาเรียน การเลือกที่ทำงาน การเลือกคู่ครอง เป็นต้น
หากคุณเคยมีประสบการณ์ดังกล่าว คุณจะพบว่าหากต้องทำในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ คุณจะรู้สึกหงุดหงิด ซึมเศร้า และไม่มีความสุข
หนึ่งในวิธีที่ทำให้คุณมีความสุขก็คือ การได้เลือกและทำในสิ่งที่คุณพอใจ แม้ว่าผลที่คุณได้รับอาจไม่เป็นเหมือนที่ตั้งใจ แต่คุณก็จะยอมรับมันได้และไม่รู้สึกเสียดายภายหลัง
ดังนั้น จงลิขิตชีวิตด้วยตัวของคุณเอง แสดงออกทางคำพูด และการกระทำอย่างที่ใจปรารถนา บางครั้งคนรอบข้างอาจมองว่าคุณมีความคิดหรือพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ แต่หากคุณไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน และนั่นเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ ก็จงมั่นใจที่จะทำ และคุณจะมีความสุขมากขึ้น
2) อยากควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว
มันคงจะดีไม่น้อยหากเราสามารถควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นดังที่ใจต้องการ อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงเราไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ คุณไม่สามารถควบคุมดินฟ้าอากาศ ไม่สามารถกำหนดการขึ้นลงของหุ้น ไม่สามารถทำให้คนอื่นมารัก หรือทำในสิ่งที่คุณพึงพอใจได้ เป็นต้น
หากคุณเป็นพวกที่ยึดติด ชอบการควบคุม คุณจะเครียด วิตกกังวล และความสุขจะหายไป เมื่อคุณรู้เช่นนี้แล้ว จงปล่อยวาง และอย่าเสียเวลาไปกับสิ่งที่คุณไม่สามารถควบคุมได้
Stephen Covey กล่าวไว้ว่าความคิดคนเราประกอบด้วยวงกลม 2 วง ได้แก่ วงของความกังวล และวงของการควบคุม หาก 2 วงกลมนี้มีพื้นที่ทับซ้อนกันก็แสดงว่าคุณสามารถกำหนด หรือเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆได้ ในทางกลับกัน หากไม่มีพื้นที่ทับซ้อนกันก็แสดงว่าคุณไม่สามารถควบคุมสิ่งนั้นได้
ยกตัวอย่างเช่น คุณอาจรู้สึกกังวลกับปัญหามลพิษ ภาวะโลกร้อน การก่อการร้าย อนาคตของเด็ก ปัญหาความยากจน หรือการจัดลำดับความสำคัญของงาน เป็นต้น
เมื่อคุณรู้สึกกังวลกับปัญหาใด จงวิเคราะห์ว่าคุณสามารถควบคุม และแก้ไขสิ่งนั้นให้ดีขึ้นได้หรือไม่ หากคุณไม่สามารถทำได้ ก็จงปล่อยวาง และคิดซะว่ามันเป็นสิ่งที่เหนือความควบคุม
3) คิดว่าความสัมพันธ์มีแต่ด้านที่สวยงาม
เมื่อคุณมีความรัก คุณจะมองเห็นโลกเป็นสีชมพู คุณจะมีคนมาเต็มเติมซึ่งทำให้รู้สึกดีและมีความสุข อย่างไรก็ตาม เหรียญมี 2 ด้าน เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ที่มีทั้งด้านที่สวยงาม และด้านที่เลวร้าย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะมีความรักที่หวานชื่น หรือมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นตลอดเวลา
เมื่อคุณเจอกับความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน คุณและคนรักมีปัญหาหรือไม่เข้าใจกัน แน่นอนว่าคุณจะวิตกกังวล รู้สึกไร้ค่า และเกิดความทุกข์ วิธีแก้คือ ใช้การสื่อสารอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา เพื่อที่คุณทั้งสองคนจะได้เข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย และคุณจะพบว่าแท้จริงแล้ว
“ความสุข” ไม่ใช่เป้าหมายที่เราเสาะแสวงหา แต่มันเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเอง
4) รอคอยจังหวะเวลาที่ใช่
นักธุรกิจแต่ละคนไม่สามารถฟันธงได้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เขามีความเชื่อมั่นและศรัทธาว่าตนเองสามารถทำได้ เช่นเดียวกับเรื่องของความรัก เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้ว่าจะสมหวัง หรือผิดหวัง แต่เราก็พร้อมที่จะเอาหัวใจเป็นเดิมพัน
เราไม่สามารถคาดเดาถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ 100% และแม้ว่าคุณจะระมัดระวังในการทำสิ่งใดก็ตาม การตัดสินใจหลายครั้งต้องอาศัยสัญชาตญาณ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คุณมีแรงผลักดันในการทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ หากคุณมัวรอจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม คุณก็จะไม่มีความสุข เพราะไม่ได้ลงมือทำสักที
จงเชื่อมั่นในพลังความคิด และอย่าปล่อยให้ประสบการณ์อันเลวร้ายในอดีต
มาขัดขวางความกล้าของคุณ
5) คิดว่าความสำเร็จได้มาง่ายๆ
แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งรู้ดีว่าการให้ยาเพียงครั้งเดียวไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นได้ เพราะผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้คล้ายกับเรื่องความสำเร็จ
กล่าวคือ กว่าคนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้นต้องผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน พวกเขาล้มลุกคลุกคลาน และเรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อใดก็ตามที่คุณคิดว่าความสำเร็จได้มาง่ายๆ คุณจะรู้สึกท้อแท้ผิดหวังเมื่อสิ่งนั้นไม่เป็นอย่างที่คิด คุณจะคิดว่าตนเองทำผิดพลาด และจะรู้สึกว่าโลกทั้งใบของคุณได้พังทลายลง ความคิดเช่นนี้ทำให้คุณยึดติด และไม่ยอมรับความจริง
ทางที่ถูกต้องคือ ให้คุณคิดว่า “ไม่มีความล้มเหลว มีเพียงแต่ผลสะท้อนกลับ” สิ่งที่คุณได้รับ คือ ข้อมูลที่แสดงว่าคุณทำได้ดีเพียงใด และควรปรับปรุงอย่างไรเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การคิดว่าตนเองเป็นผู้แพ้ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น
จงจำไว้ว่าการหกล้มจะทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น และมันเป็นความลับของความสุขและความสำเร็จ