ประชากรโลกกว่า 7,300 ล้านคน คุณผู้อ่านเชื่อไหมครับว่าเราสามารถแบ่งออกได้แค่ 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก คือ กลุ่มคนที่ขาดเป้าหมายในการใช้ชีวิต
กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มคนที่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิต
แน่นอนว่าคนกลุ่มที่สอง จะมีแนวโน้มประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนกลุ่มแรก แต่หากคุณเป็นส่วนหนึ่งในคนกลุ่มที่สองเชื่อเหลือเกินว่าคุณอาจจะต้องพบกับคำถามที่ว่า
“ทำไมฉันมีเป้าหมายแล้ว แต่ชีวิตกลับไม่มีความสุข”
ที่แย่กว่านั้น คือ หลายคนเป้าหมายกลายเป็นความจริงแล้ว แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งความสุขในชีวิต
วันนี้ Learning Hub Thailand มี 5 ขั้นตอนง่ายๆ ที่จะช่วยคุณสร้างเป้าหมายให้กลายเป็นจริง โดยไม่ทิ้งความสุขในชีวิต
1.คุยกับตัวเอง
ผู้คนมากมายตั้งเป้าหมายในชีวิตโดยใช้ความคิดเป็นหลัก ความคิดที่คาดหวังจะได้รับความสุขที่จะได้รับหลังเป้าหมายสำเร็จและหลายคนตั้งเป้าหมายในชีวิตตัวเองจากเป้าหมายของผู้อื่น
เป้าหมายที่เกิดจากความคิดแบบนี้จะไม่สามารถสร้างสุขให้ตัวเราในทุกขณะตั้งแต่ตั้งเป้า ระหว่างลงมือทำ ไปจนถึงวันที่เป้าหมายกลายเป็นจริง
ณ จุดนี้อยากให้คุณลองหลับตาแล้วย้อนอดีตไปในวันที่เริ่มต้นตั้งเป้าหมายในชีวิตครั้งแรก แล้วตั้งคำถามกับตัวเองว่า
เราตั้งเป้าหมายนี้จากเหตุผลอะไร
ทำไมถึงอยากให้เป้าหมายนี้สำเร็จ
ชีวิตเราต้องการสิ่งใดกันแน่
เคล็ดลับง่ายๆ ในการค้นหาเป้าหมายที่ใช่และทำให้ใจเป็นสุข คือ การใช้ความสุขเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง อย่าลืมว่า
“เป้าหมายจะมีชีวิตถ้าสร้างจากความสุข มิใช่สร้างจากความคิด”
2.ค้นหาแรงบันดาลใจ
การสร้างเป้าหมายจากแรงบันดาลใจก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ลงในดิน ต้นไม้ไม่มีทางอยู่ได้โดยไม่มีดินและยิ่งดินมีคุณภาพมากเท่าไร
ต้นไม้ก็ยิ่งแข็งแกร่ง งดงาม และสร้างคุณค่าได้มากเท่านั้น
การตั้งเป้าหมายในชีวิตก็เช่นเดียวกัน ควรตอบให้ได้ว่าในชีวิตของเรา ใครบ้างที่เราอยากให้พวกเขามีความสุข
เราต้องการความสุขจากพวกเขา และพวกเขาก็ต้องการความสุขจากเรา ตัวอย่างเช่น ถ้าความสุขของคุณคือการได้ดูแลภรรยาและลูกๆ ที่อยู่ในวัยกำลังซน
การตั้งเป้าหมายอยากเป็นนักธุรกิจข้ามชาติที่ต้องเดินทางแทบจะ 365 วัน ก็คงไม่สร้างพลังแห่งความสุขได้เท่ากับการตั้งเป้าหมายที่จะมีธุรกิจออนไลน์ที่สามารถสร้างรายได้หลักล้านแถมมีเวลาอยู่กับครอบครัว อย่าลืมว่า
“เป้าหมายเป็นเพียงเส้นชัย แต่แรงบันดาลใจจะทำให้คุณพิชิตเส้นชัย”
3.พร้อมที่จะให้
จุดผิดพลาดของคนที่มีเป้าหมาย คือ การตั้งเป้าหมายแบบคนที่ขาดเป้าหมาย หลายคนตั้งเป้าหมายเพียงให้ได้รับโบนัสสิ้นปีที่มากขึ้น
ได้ไปชอปปิ้งต่างประเทศบ่อยขึ้น
ต้องการให้พ่อแม่ซื้อของที่ตนเองต้องการให้มากขึ้น ฯลฯ เป้าหมายที่ทำให้ตัวเองอยู่ในฐานะ “ผู้รับ”
แบบนี้ถึงแม้จะกลายเป็นจริง ก็ไม่ได้ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ตั้งแตกต่างอะไรกับกลุ่มคนที่ขาดเป้าหมายและใช้ชีวิตไปวันๆ เลย
ในทางกลับกันการตั้งเป้าหมายเพื่อสร้างความสุขให้ชีวิตจึงควรเปลี่ยนฐานะจากการเป็นผู้รับเป็น “ผู้ให้”
เช่น ตั้งเป้าหมายที่จะมีรายได้เสริมเทียบเท่าโบนัสสิ้นปี เป็นเจ้าของกิจการส่งออกสินค้า เป็นเสาหลักของครอบครัว ฯลฯ อย่าลืมว่า
“มือของผู้ให้อยู่สูงกว่ามือของผู้รับเสมอ ความสุขจากการให้ก็เช่นเดียวกัน”
4. เขียนลงในกระดาษ
ในเมื่อความสุขเป็นนามธรรม การตั้งเป้าหมายที่จะมีความสุขจึงต้องเขียนลงในกระดาษให้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ เช่น ต้องการมีรายได้เดือนละเท่าไร
ต้องการใช้เวลากับครอบครัววันละกี่ชั่วโมง
วันหยุดยาวอยากพาเจ้าตัวน้อยไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
อยากทำสิ่งใดทดแทนบุญคุณพ่อและแม่ ฯลฯ
ยิ่งคุณกล้าเขียนเป้าหมายลงในกระดาษให้ชัดเจนมากขึ้นเท่าไร ขนาดความสุขก็จะยิ่งขยาย และเป้าหมายก็จะยิ่งกลายเป็นความจริงได้ไวขึ้นเท่านั้น อย่าลืมว่า
“การเขียนเป้าหมายลงในกระดาษ คือ การอนุญาตให้เป้าหมายมีชีวิต”
5. ระบุวันหมดอายุ
ความสุขในชีวิตไม่ใช่วัชพืชที่จู่ๆ จะงอกเงยขึ้นมาเองจากดิน แต่ความสุขเป็นเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่คุณต้องตัดสินใจให้มันเกิดขึ้นมาโดยการปลูกและรดน้ำ พรวนดิน อย่างสม่ำเสมอ
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การตั้งเป้าหมาย คือ การมีวินัยทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ดังนั้น ในแต่ละวันคุณจึงควรกำหนดรายละเอียดสิ่งที่ต้องทำให้ชัดเจน และอย่าลืมระบุวัน เวลา ที่คาดว่าจะทำสิ่งนั้นๆ
ให้แล้วเสร็จลงไปด้วย เพื่อป้องกันอาการผัดวันประกันพรุ่งจนทำให้เป้าหมายสลายไปในอากาศ อย่าลืมว่า
“เป้าหมายจะหมดอายุ ถ้าเราลืมระบุวันหมดอายุลงไป”
ถ้าคุณผู้อ่านทำตามขั้นตอนครับทั้ง 5 ขั้นตอนแล้ว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเชื่อสุภาษิตไทยโบราณที่กล่าวว่า “ได้อย่างมักเสียอย่าง” อีกต่อไป เพราะคุณจะได้ชื่อว่าเป็นทั้ง “ผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต” และเป็นทั้ง “ผู้ที่มีความสุขในชีวิต”
เขียนโดย จิตเกษม น้อยไร่ภูมิ (โค้ชแมงปอ)