ยอมรับมาซะดีๆ เคยแอบอิจฉา คนในที่ทำงานที่ได้ดิบได้ดี เป็นลูกรักของ Boss แถมโบนัสเงินเดือนก็ยังเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมงานกันไหม
หลายต่อหลายครั้งที่เราต้องยอมรับในความสามารถของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นพนักงานระดับ Top 5 ในออฟฟิศ
ความสามารถที่เขาเหล่านั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไม่ได้มาจากการประจบสอพลอ
หลายต่อหลายคนคิดว่าความสามารถของคนระดับ Top 5 ได้มาเพราะ “เขามีพรสวรรค์”
ความเชื่อแบบนี้ทำให้หลายต่อหลายคนหยุดพัฒนาการทำงานของตัวเอง ซึ่งตามมาด้วยอาการหมดหวังต่อความก้าวหน้าในงานที่ทำอยู่ จนอาจกลายเป็นอาการเบื่องานในไม่ช้า
ทั้งที่ ในความเป็นจริงแล้วพนักงานระดับ Top 5 ก็ไม่ได้มีสิ่งใดเหนือกว่าพนักงานระดับธรรมดาๆ ส่วนใหญ่เลย ต่างกันเพียงแค่พรสวรรค์ข้อเดียวเท่านั้น
คือ “พรสวรรค์ในการเรียนรู้เร็ว”
โชคดีที่พรสวรรค์นี้เป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ง่ายๆ และ ต่อไปนี้ คือ 5 เคล็ดลับ ที่จะทำให้คุณมีศักยภาพในการเรียนรู้เร็ว
1.สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ
ขั้นตอนแรกของการเรียนรู้ มิใช่การฟังหรือการอ่าน แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้
สภาพแวดล้อมที่เงียบ สงบ และปราศจากสิ่งรบกวนที่จะมาดึงความสนใจของคุณจากสิ่งที่กำลังเรียนรู้ จะช่วยให้จิตใจเกิดสมาธิ
TIP : ควรให้ความสำคัญกับการจัดโต๊ะทำงานและบริเวณโดยรอบให้อยู่ในบรรยากาศเงียบ สงบ ปราศจากสิ่งรบกวน ควรปิดเสียงเครื่องมือสื่อสาร และไม่ควรตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน ควรเก็บไว้ในลิ้นชักเพราะจะได้ไม่รบกวนสายตาซึ่งจะส่งผลดีต่อการสร้างสมาธิในการทำงานมากกว่า
2.ใช้จิตนาการช่วยในการเรียนรู้
ทฤษฎีทางจิตวิทยา สรุปได้ว่า มนุษย์เรียนรู้และจดจำเป็นภาพ มิใช่คลื่นเสียงหรือตัวอักษร ดังนั้น ก่อนจะเรียนรู้งานเรื่องใดให้คุณลองจินตนาการว่า
เมื่อคุณได้รับความรู้นั้นแล้ว จะนำไปทำอะไรบ้าง ในขณะฟังหรืออ่านให้ค่อย ๆ ลำดับความคิดเป็นภาพ
วิธีการนี้เป็นการเปิดจิตใต้สำนึกให้ค่อย ๆ ดูดซับความรู้ใหม่เข้าไปไว้ในความทรงจำ นอกจากนี้การทบทวนความรู้ใหม่ในตอนกลางคืน โดยเฉพาะ 30 นาที ก่อนนอน ยังช่วยให้จิตใต้สำนึกจดจำภาพต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และสามารถประมวลผล
เพื่อดึงกลับมาใช้ได้อย่างแม่นยำในวันหน้า
TIP : ทุกครั้งที่ได้รับมอบหมายงานที่ไม่เคยทำ ก่อนที่จะบ่นว่ายากให้เปลี่ยนเป็นการฝึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า งานชิ้นนี้องค์กรจะนำไปใช้ประโยชน์ด้านใดได้บ้าง ? เราจะได้เรียนรู้สิ่งใดจากงานชิ้นนี้ ? เราจะทำงานชิ้นนี้ให้ดีที่สุดได้อย่างไร ?
3. จดบันทึกสั้น ๆ
รูปแบบการเรียนรู้หลัก ๆ ที่มนุษย์มีติดตัวมาตั้งแต่เป็นทารก คือ เรียนรู้จากการฟัง (AUDITORY) และเรียนรู้จากการมองเห็น (VISUAL) ซึ่งการเรียนรู้จากการมองเห็นจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการฟัง
เนื่องจากเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างตากับสมองมีจำนวนมากกว่าเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างหูกับสมองถึง 22 เท่า แต่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุด กลับเป็นการเรียนรู้จากการใช้มือเขียนบันทึกข้อมูลหรือการโน้ตย่อ
เพราะช่วยให้เส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างสมองกับตา และสมองกับหูสามารถทำงานไปพร้อม ๆ กัน
กล่าวคือในระหว่างคุณจดบันทึกข้อความ สมองของคุณจะเห็นภาพและได้ยินเสียงเกี่ยวกับข้อมูลที่กำลังจดบันทึกในเวลาเดียวกัน
วิธีการจดบันทึกจึงเป็นเสมือนทางลัดที่ใช้ในการส่งข้อมูลความรู้เข้าไปจัดเก็บไว้ในคลังสมอง
Tip : ฝึกจดบันทึกประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากงานชิ้นใหม่ๆ ที่เพิ่งเคยทำ หรือ งานชิ้นเดิมๆ ที่เคยทำผิดพลาด รายละเอียดของงานในแต่ละขั้นแต่ละตอน หมั่นนำมาอ่านทบทวนสัปดาห์ละครั้ง เพื่อสะสมความรู้ที่ได้รับจากประสบการณ์ตรงไว้ในคลังสมอง
4. แบ่งปันความรู้ใหม่กับผู้อื่น
สิ่งที่น่าตกใจ คือ ความรู้ใหม่ที่เพิ่งได้เรียนรู้ กว่า 90 % ไม่ว่าจะมาจากการฟัง การอ่าน หรือการเขียนก็ตาม จะคงอยู่ในสมองได้ไม่นานนัก
หากคุณไม่รีบนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สมองจะสั่งการว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคุณ และจะค่อยๆ โละความรู้นั้นทิ้งในเวลาต่อมาเพื่อไม่ให้เป็นภาระสมอง
ดังนั้น วิธีการที่ง่ายที่สุดในการเก็บความรู้ใหม่ให้คงอยู่ในคลังสมองตลอดไป คือ การพูดคุยเพื่อแบ่งปัน แลกเปลี่ยนสิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้ให้แก่คนในชีวิตประจำวันของคุณ เช่น เพื่อน คนรัก พี่น้อง
ซึ่งถือเป็นการย้ำเตือนกับสมองว่าเรื่องที่แบ่งปันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันห้ามลบทิ้งโดยเด็ดขาด
Tip : หาเวลาว่างสักวันละ 5 นาที พูดคุยเรื่องราวดีๆ ที่ได้เรียนรู้มาจากการทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน แทนการสุมหัว ตั้งวง บ่น นินทา เม้ามอย ฯลฯ
5. ดื่มน้ำและออกกำลังกายสม่ำเสมอ
เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่ง เนื่องจากสมองส่วนหน้าของมนุษย์มีไว้เพื่อทำหน้าที่ในการเรียนรู้และจดจำ ดังนั้น สมองส่วนหน้าจึงมีความต้องการใช้ออกซิเจนในเลือดในปริมาณที่เพียงพอเพื่อเพิ่มเซลสมองให้ส่วนนี้
การดื่มน้ำและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการที่ใช้ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้อย่างทั่วถึง จึงถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างสมองอัจฉริยะ
Tip : บนโต๊ะทำงานของคุณควรมีกระติกน้ำ หรือ ขวดน้ำที่มีความจุประมาณ 1 ลิตร ตั้งไว้ เพื่อเป็นการเตือนความจำให้คุณค่อยๆ หยิบมาจิบไปเรื่อยๆ ระหว่างนั่งทำงาน 8 – 10 ชั่วโมง และหลังเลิกงานควรแบ่งเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 15 – 30 นาที
เคล็ดลับง่ายๆ ทั้ง 5 ข้อ คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าพรสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
อันที่จริงแล้ว “พรสวรรค์เป็นสิ่งที่เราต้องลงทุน” การลงทุนที่ดีที่สุด ก็คือการลงทุนกับการเรียนรู้
อย่าลืมใส่ใจดูแลสมองและร่างกายให้พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เพื่อสร้างความสำเร็จในการทำงานให้ทะลุอันดับ Top 5 Top 3 ไปจนถึง Number 1 กันน่ะครับ