ผ่านปีใหม่มาแล้ว หลายคนอาจอยากจะสลัดนิสัยเดิม ๆ เพื่อจะได้พัฒนาและปรับปรุงให้ชีวิตตัวเองก้าวหน้ามากขึ้น บางคนทำงานหนักมาทั้งปี ได้นอนน้อย เที่ยวน้อย ได้โปรโมท มีหน้าที่การทำงานรับผิดชอบมากขึ้น นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนเก่ง แต่มันหมายความว่าคุณเป็นคนที่บริหารจัดการชีวิตไม่เป็นต่างหาก
คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ทว่าประสิทธิภาพในการทำงานนั้นต่างกันและถ้าคุณลองปรับนิสัยบางอย่างตามเช็คลิสข้างล่างนี้ไม่แน่ว่าอาจทำให้ชีวิตคุณดีและมีอะไรหลายๆอย่างลงตัวมากขึ้น
1. เลิกเปิดคอมเพื่อหาไอเดียใหม่ ๆ ไปเรื่อย ๆ
คุณควรคิดหัวข้อที่ต้องการหาก่อน และพุ่งประเด็นไปที่คำตอบที่อยากได้ เช่น วิธีผูกสูตร Excel ถ้าคุณไม่แน่วแน่กับคำตอบที่ต้องการหาคุณอาจเจอโฆษณาของสายการบินที่ให้โปรโมชั่นต่ำสุดนำไปสู่การนอกเรื่อง และอาจทำให้คุณลืมจุดประสงค์และภารกิจที่แท้จริงในการเปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลการทำงานให้ตัวเอง ทางที่ดีคุณควรจดออกมาเป็นข้อๆ ใส่กระดาษโน๊ตข้างๆว่าคุณต้องเปิดคอมหาข้อมูลเรื่องอะไรบ้าง วิธีนี้จะทำให้คุณไม่เสียสมาธิกับสิ่งล่อตาล่อใจได้ง่ายๆ
2. เลิกทำหลายๆอย่างในเวลาพร้อมๆกัน
บางคนคิดว่าการที่สามารถทำงานหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกันคือเรื่องที่เจ๋ง แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องผิดมาก จากงานวิจัยพบว่ามีประชากรเพียง 2 % เท่านั้นที่สามารถทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระยะยาวการทำงานหลาย ๆ อย่างพร้อมกันเป็นนิสัยที่แย่ จะทำให้สมาธิเราสั้นลงแถมยังทำให้เรามีประสิทธิภาพน้อยลงอีกด้วย
3. เลิกเช็คอีเมล์ตลอดวัน
ทุก ๆ ครั้งที่คุณเช็คอีเมล์นั้น ทำให้คุณเสียเวลาไปอย่างน้อย 25 นาที กว่าจะกลับมาสู่โหมดปกติได้ และการหมั่นเช็คอีเมล์ยังทำให้งานของคุณจริง ๆ ไม่เดินอีกด้วย เพราะมัวแต่นั่งกังวลและนั่งตอบอีเมล์มากกว่า ที่ปรึกษาระดับสูงในบริษัทดัง แนะนำว่าให้คุณปิดมือถือ ปิดอีเมล์ ประมาณ 30 นาทีเพื่อที่จะทำให้คุณมีสมาธิแน่วแน่กับงานมากขึ้น
4. เลิกเอางานที่สำคัญและยากไว้ทีหลังสุด
คนเรามักเข้าใจผิดว่าควรทำงานที่ง่าย ๆ ก่อนในตอนเช้า เพื่อที่จะเคลียร์งานให้เสร็จไปเร็ว ๆ และค่อยจัดการกับงานยาก ๆ ทีหลัง นี่จัดว่าเป็นไอเดียที่แย่มากและจะทำให้เกิดโอกาสสูงมากที่งานจะไม่เสร็จสักงาน นักวิจัยค้นพบว่าคนเรามีขีดความตั้งใจจำกัดในแต่ละวัน ความตั้งใจแน่วแน่จะค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ เมื่อร่างกายคุณล้า เพราะฉะนั้นงานที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดควรถูกจัดไว้ในอันดับต้น ๆ ของวัน
5. เลิกเข้าประชุมที่ไม่สำคัญ
การเข้าประชุมบ่อยครั้ง ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนเจ๋งหรือคนสำคัญในที่ประชุมและการประชุมทำให้คุณเสียเวลาอย่างมาก แนะนำว่าคุณควรเข้าประชุมที่มีหัวข้อการประชุมชัดเจน และคุณได้อะไรจากที่ประชุมนั้น ไม่ว่าจะได้งานที่ต้องการหรือได้แบ่งเบาภาระงานของคุณ
6. เลิกนั่งแช่ทั้งวัน
การนั่งทำงานแช่ทั้งวันกับเครื่องคอมพิวเตอร์และออฟฟิศสี่เหลี่ยมทำให้ประสิทธิภาพการทำงานน้อยลงเรื่อย ๆ คุณลองเปลี่ยนที่การทำงานโดยการเดินไปคุยไป หรือจิบกาแฟพร้อมนั่งคุยงานกับเพื่อนร่วมงานที่ชั้นล่างของตึก อาจทำให้ไอเดียใหม่ ๆ เกิดขึ้น และเมื่อคุณกลับมานั่งโต๊ะคุณจะรู้สึกตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่ากับการทำงานมากขึ้น
7. เลิกกดเลื่อนนาฬิกาปลุก
คุณอาจคิดว่าขอเวลาอีกนิดหนึ่ง ห้านาที นอนต่ออีกสักพัก จะได้มีแรงขึ้นอีกหน่อย นั่นคือความคิดที่ผิดมหันต์เพราะมันส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะครั้งแรกของการตื่นนอนในตอนเช้า ระบบร่างกายของคุณจะเริ่มปล่อยฮอร์โมนที่ทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเตรียมตัวรับวันใหม่
การที่คุณนอนต่อนั่นทำให้ร่างกายของคุณไม่ตื่นตัว และทำให้ประสิทธิภาพการทำงานกระบวนการคิดต่าง ๆ ช้าลง และคุณไม่ควรนอนน้อยกว่าที่ควร การนอนอย่างเพียงพอทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในทุก ๆ ด้าน ทั้งความสุข การตัดสินใจที่ดีขึ้น ปลดล็อกไอเดียที่ดีขึ้น
8. เลิกเอามือถือไว้หัวเตียง
แสงไฟ LED จากมือถือ แท็บเล็ตและแล็ปท็อปจะส่งแสงบลูไลท์ออกมาทำลายสายตาและกดฮอร์โมนของเรา ทำให้รอบการนอนหลับและการตื่นของเราไม่เป็นไปอย่างราบรื่น หรือทำให้เรานอนหลับไม่สนิทนั่นเอง ผลจากงานวิจับพบว่าคนที่นอนหลับไม่สนิทจะมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้ามากยิ่งขึ้น
9. เลิกเป็นเพอร์เฟคชั่นนิส
เรากังวลว่าสิ่งที่ทำนั้นจะไม่สมบูรณ์แบบ มัวแต่กลัวโน่นนี่นั่น ใช้เวลาคิดมากในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ และสิ่งไม่จำเป็น จนทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ เหมือนกับว่าเรารอมีเวลาจริง ๆ ค่อยตั้งใจทำมันอย่างละเมียดละไม และก็เลื่อนงานนั้นออกไปเรื่อย ๆ โดยใช้เหตุผลอ้างว่าไม่มีเวลาทำอยากทำให้ออกมาดี ออกมาเพอร์เฟคก็ต้องใช้เวลา
ซึ่งจริง ๆ แล้วการเลื่อนงานนั้นออกไปทำให้คุณไม่ได้เริ่ม และการที่มัวแต่คิดเล็กคิดน้อยก็ทำให้งานของคุณไม่เดินและประสิทธิภาพต่าง ๆ ในการทำงานก็ลดลงมากกว่าที่คุณคิด