“Why join the navy if you can be a pirate” – Steve Jobs
เมื่อเห็นคำพูดนี้ คุณรู้สึกอย่างไร
สำหรับผม มันทิ่มแทงเข้ามาที่กลางหัวใจ เพราะ สตีฟ จ๊อบส์ ได้แฝงนัยยะที่น่าสนใจ เกี่ยวกับการเลือก “เลือกที่จะใช้ชีวิต”
ผมนั้นเป็นทหารเรือ มาตลอด 19 ปี และใช้เวลาคิดเป็นสิบปี กว่าที่จะตัดสินใจถอดเครื่องแบบ ทิ้งความมั่นคง ออกมาเผชิญโลก ด้วยไลฟ์สไตล์อิสระแบบโจรสลัด เมื่อไม่นานมานี้…
ทุกคนที่รู้ข่าว ก็ต้องถาม ว่าคิดอะไร ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้
ก่อนที่ผมจะตอบ ผมอยากให้คุณได้รู้จักการใช้ชีวิตของคน 2 กลุ่มที่ต่างกัน กลุ่มแรกคือ ลูกแกะ กลุ่มที่สองคือ โจรสลัด
ทั้ง 2 กลุ่ม ไม่มีอันไหน ผิดหรือถูก ดีหรือแย่กว่ากัน เพียงแต่เป็น “วิถีการใช้ชีวิต” เท่านั้น
เรื่องราวต่อไปนี้ อาจทำให้หัวใจของบางคนสั่นไหว และบางข้อความอาจจะทิ่มเข้าไปที่กลางใจคุณ ให้ได้ทบทวนชีวิตว่า ที่ผ่านมาคุณเป็นใคร ?
=============================
ชีวิตของลูกแกะ
ชีวิตของลูกแกะ คือชีวิตที่ “ถูกเลือก” ให้ทำบางสิ่ง ไม่ให้ทำบางสิ่ง ถูกเลี้ยงให้เชื่อง ป้อนหญ้าป้อนน้ำ ถูกสอนให้คิด เชื่อในทางเดียว เพื่ออยู่ร่วมกันเป็นฝูง
โดยที่ไม่รู้ตัว ลูกแกจะถูกปลูกฝังนิสัยอยู่ 5 ประการ
1.ไม่ตั้งคำถาม เป็นผู้ตามที่ดี
ลูกแกะจะไม่ตั้งคำถามต่อทิศทางที่กำลังเดินไป (หรือถูกต้อนไป) เพราะเชื่อว่า ทำแบบคนส่วนใหญ่นั้นดีอยู่แล้ว จะปฏิเสธและโกรธเคือง คนที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่
แม้ลูกแกะรู้สึกว่า สิ่งที่ผู้นำหรือคนส่วนใหญ่ทำ ไม่น่าจะถูก แต่ก็ไม่คิดจะพูดหรือแสดงออก เพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับปัญหาที่จะตามมา ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา จึงเป็นผู้ตามที่ดี ลอยตามน้ำต่อไป
2.สนใจว่าคนอื่นคิดยังไง
ไม่ว่าจะทำอะไร โดยเฉพาะเรื่องใหม่ๆ ลูกแกะจะกังวลกับสายตาของคนอื่น เค้าจะคิดยังไงกับเรา จะมีใครว่าอะไรเรามั้ย สิ่งที่เราทำนั้นสมควรรึเปล่า
ลูกแกะยกเลิกความตั้งใจ หยุดยั้งสิ่งที่อยากทำ เพียงเพราะคำพูดของคนๆเดียว ที่ไม่เห็นด้วย โดยไม่ถามใจตัวเองเลย ว่าคิดอย่างไร และมักจะมาเสียดายทีหลัง
3.ใฝ่หาการยอมรับ
ลูกแกะจะรู้สึกอยู่ลึกๆว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ไม่เก่งพอ จึงทำหลายสิ่งเพื่อชดเชยความรู้สึกนั้น ไม่ว่าจะเป็น การซื้อของแบรนด์เนม ใส่เสื้อผ้าราคาแพง ใช้จ่ายเกินตัว ทำหลายๆสิ่งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของกลุ่ม
ลูกแกะทำทุกอย่างเพื่อคำชื่นชม แม้ว่าสิ่งนั้นตัวเองไม่อยากทำก็ไม่กล้าปฏิเสธ เป็นเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่รัก ไม่ยอมรับในตนเอง และมักจะบ่นว่า ตัวเองถูกเอาเปรียบอยู่เป็นประจำ
4.คุ้นชินกับความมั่นคง
ลูกแกะอยู่มานานก็เริ่มชินกับความมั่นคงปลอดภัย ในระบบที่คนเลี้ยงสร้างมา เมื่อมีหญ้ากินอิ่มทุกมื้อ จึงไม่คิดจะเดินออกนอกคอกที่ล้อมไว้ แม้หญ้าที่กินอยู่จะเริ่มมีน้อยและแห้งกรอบก็ตาม
แม้ลูกแกะได้ยินว่า มีทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอยู่นอกคอกนี้ แต่ไม่มีใครสามารถการันตีความปลอดภัย และไม่แน่ใจด้วยว่าจะหาเจอ จึงบอกกับตัวเองว่า อยู่ที่เดิมนั่นแหละก็ดีแล้ว มีกินก็ดีกว่าไม่มี จะดิ้นรนไปทำไม
5.ใช้ชีวิตตามความต้องการคนอื่น
ลูกแกะไม่คิดว่า ชีวิตต้องมีเป้าหมายอะไร ใช้ชีวิตไปให้รอด มีกินมีใช้ก็ดีแล้ว จึงใช้ชีวิตแต่ละวัน ไปตามความต้องการของคนอื่น มากกว่าจะถามตัวเองว่า ชีวิตนี้ต้องการอะไร
หลายครั้งลูกแกะคิดเสียดายเวลาที่ผ่านไปแต่ละเดือน แต่ละปี รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไร้คุณค่า ไร้ความหมาย แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านี้
====================
ชีวิตที่ผ่านมาของผม ก็คล้ายๆกับลูกแกะตัวนี้
ผมเกิดมาในตระกูลของข้าราชการ และถูกปลูกฝังว่า การทำงานราชการนั้นดีที่สุด มั่นคง ปลอดภัย มีสวัสดิการดี แม้จะไม่รวย แต่ก็มีเกียรติและศักดิ์ศรี
มีเรื่องหนึ่งที่จำฝังใจ ตอนวันเกิดอายุ 10 ขวบ อยากได้เครื่องวีดีโอเกม ตอนนั้นราคา 1,500 บาท แต่พ่อแม่ไม่ซื้อให้ บอกว่ามันแพงเกินไป
บังเอิญวันนั้น มีเพื่อนพ่อไปทานข้าวด้วยกัน เค้าได้ยินเข้า เลยจูงมือผมพาเดินไปซื้อ ให้เป็นของขวัญวันเกิด
ผมรับมาอย่างงงๆ ว่าทำไมคนไม่รู้จัก มาซื้อของให้เราง่ายๆ
แล้วก็มารู้ทีหลังว่า ลุงเค้าเป็นนักธุรกิจ มีเงินมากมาย
ตั้งแต่วันนั้น ผมตั้งใจกับตัวเองว่า เมื่อโตขึ้นจะเป็นนักธุรกิจให้ได้ เพราะผมอยากจะมีเงินเยอะๆ จะได้ทำแบบลุง
เนื่องจากผมเป็นลูกคนโต หลานคนโตในตระกูล จึงเป็นที่คาดหวังมาก แม้ตัวผมเองรู้ว่าตัวเองชอบอะไรมาตั้งแต่เด็ก พยายามบอกว่าผมอยากเป็นอะไร อยากทำอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่อาจทัดทานกับความต้องการผู้ใหญ่
บังเอิญผมเรียนดี จึงสอบติดโรงเรียนเตรียมทหารได้ตั้งแต่อายุ 16 ปี
แม้ว่าผมต้องเจอปัญหา เผชิญความยากลำบาก พบสิ่งท้าทายมากมาย ระหว่างที่ผมกำลังศึกษา แต่ผมไม่เคยบ่นให้ใครฟัง เพราะผมไม่อยากให้พวกเค้าผิดหวังในตัวผม
ผมตั้งใจศึกษาเล่าเรียน จนจบออกมารับราชการในระบบ เป็นที่ชื่นชมจากทุกคนในบ้าน ผมภูมิใจในตัวเอง และคิดว่าจะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด
ผมลืมเลือนความฝันในวัยเด็กไป ใช้ชีวิตเป็นลูกแกะในกรอบระเบียบที่วางไว้ โดยที่ไม่เคยฟังความรู้สึกลึกๆของตัวเองอีกเลย
==========================
ชีวิตของโจรสลัด
1.ตั้งคำถามกับสิ่งเดิมๆ มองหาสิ่งที่ดีกว่า
โจรสลัดจะไม่พอใจอะไรง่ายๆ มักจะถามว่ามีหนทาง หรือวิธีอื่น ที่จะทำให้ดีกว่านี้ได้อีกไหม เค้าไม่ยึดติดกับสิ่งเดิมๆ เมื่อมีความรู้สึกว่า น่าจะทำได้ดีกว่าก็จะทำ เค้ากล้าคิด กล้าแตกแถว และกล้าแตกต่าง
ไม่เพียงตั้งคำถาม แต่เค้าลงมือลงแรง เพื่อค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยากหรือผลตอบแทน แค่รู้สึกว่า อยากสร้างทางที่ดีกว่า ด้วยสองมือของตัวเอง
2.เป็นตัวของตัวเอง
โจรสลัด ทำสิ่งต่างๆจากความต้องการของตัวเอง ไม่ต้องถามความคิดคนรอบข้าง เค้ารู้ชัดเจนว่าตัวเองต้องการอะไร และไม่ต้องการอะไร
แม้รู้ว่ามีหลายคนไม่เห็นด้วย มีสายตาฝูงแกะที่จับจ้องอยู่ แต่เค้าก็รู้ดีว่า ความคิดของคนเหล่านั้นไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตของเค้า แต่การกระทำที่ทำลงไปต่างหาก ที่จะส่งผลต่อชีวิตของเค้า
3.เชื่อมั่นและรักตัวเอง
โจรสลัด กล้าปฏิเสธ และยืนยันในความต้องการของตัวเอง เพราะเค้ารัก และให้ความสำคัญกับตัวเอง ใครจะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ แต่เค้ามองว่า หากเราไม่ดูแลตัวเองให้ดี จะไปช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างไร
ความเชื่อมั่นลึกๆที่มีมาก อาจดูเหมือนมีอีโก้สูง แต่โจรสลัดก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือต่อต้านกับคนที่ไม่เห็นด้วยกับเค้า เค้าให้ความเท่าเทียมและยอมรับในความแตกต่าง
4.กล้าเสี่ยง ไม่กลัวผิดพลาด
โจรสลัดรู้สึกว่า ความมั่นคงปลอดภัย และอะไรที่คาดการณ์ได้ มั่นน่าเบื่อสุดๆ ไม่เหลือความท้าทายอะไรอีก เค้ากล้าเสี่ยง ไม่กลัวผิดพลาด ไม่ใช่บ้าบิ่น แต่รู้ว่า ตัวเองรับความเสี่ยงได้แค่ไหน
สิ่งที่โจรสลัดกลัว คือ กลัวเสียใจทีหลัง ที่ไม่ได้ทำ มากกว่ากลัวล้มเหลว เมื่อได้ลองทำแล้วพลาดก็ถือเป็นการเรียนรู้ และมันจะนำไปต่อยอดสู่สิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าในที่สุด
5.ใช้ชีวิตตามเส้นทางของตัวเอง
โจรสลัดรู้เป้าหมายในชีวิตของตนเองอย่างชัดเจน เค้าจะเป็นผู้สร้างตำนาน ค้นหาเส้นทางใหม่ๆ มีความเป็นกบฎ ไม่อยากเดินตามทางใคร เค้าตัดสินใจที่จะเลือกใช้ชีวิตด้วยตนเอง
ไม่มีอะไรในชีวิต ที่มั่นคงแน่นอน ดังนั้นเมื่อยังหายใจอยู่ เค้ามั่นใจว่าสามารถเรียนรู้ ทำให้ดีกว่า และพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
====================
เงื่อนงำที่ทำให้ผม ค้นพบวิถีแห่งโจรสลัด
ตลอด 19 ปีที่ผ่านมา ผมสังเกตตัวเองเสมอ จนพบว่าผมไม่ใช่ลูกแกะ เพียงแต่เป็นโจรสลัด ที่ยังไม่ค้นพบตัวเอง สิ่งที่ผมสังเกตนิสัยตัวเองก็คือ
ผมมักจะคิดต่างจากเพื่อนคนอื่นๆในชั้นเรียน และถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ
ไม่ว่าจะไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มไหน ผมมักจะอยากเปลี่ยนแปลงสิ่งที่มีอยู่แล้วให้ดีกว่า
ผมเถียงรุ่นพี่และครู อยู่ในใจทุกครั้ง ด้วยระเบียบทำให้ผมพูดอะไรออกมาไม่ได้
ผมมักจะทำอะไรตามใจ โดยไม่ปรึกษาใคร และทำให้โดนต่อต้าน โดนต่อว่าบ่อยๆ
ผมมีเพื่อนน้อยมาก เพราะไม่ค่อยชอบทำตามใคร
ผมแอบมีกิจการเล็กๆตั้งแต่เรียนปี 1 และเปิดพอร์ตหุ้นตั้งแต่ปี 2
เพื่อนส่วนใหญ่ จบมาก็กู้เงินซื้อรถ แต่ผมกู้เงินเรียนด้านบริหารธุรกิจ ซื้อหนังสือ ไปเข้าสัมมนา ค่าเรียนทั้งหมด ก็ราวๆราคารถป้ายแดง
ไม่นานมานี้ ผมตัดสินใจลาออกแบบฉับพลัน โดยไม่บอกคนที่บ้านก่อน
แต่มาบอกทีหลังว่า ผมมาเป็นนักธุรกิจ เป็นวิทยากร เป็นโค้ชด้านการเขียน มีรายได้แต่ละเดือนไม่แน่นอน ส่วนใหญ่จะมากกว่าเงินเดือนเดิมประมาณ 5-8 เท่า
ผมใช้ผลลัพธ์ พิสูจน์ว่าผมไม่ได้ตัดสินใจแค่ตามอารมณ์ความรู้สึก อย่างไรก็ตามกว่าผมจะตัดสินใจลาออก ก็ใช้เวลาวางแผนและเตรียมตัวกว่า 10 ปี
ไม่มีอะไรการันตีว่าหลังจากนี้ ชีวิตผมจะร่ำรวยรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และผมก็ไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย
เหตุผลเดียวที่ผมลาออก เพราะผมรู้ตัวแล้ว ว่าผมเป็นโจรสลัด ที่อยากเดินทางออกไปสู่โลกกว้าง ไปในที่ๆผมจะใช้ศักยภาพตัวเองได้อย่างสูงสุด
===================
ไม่สำคัญว่าที่ผ่านมาคุณเป็นใคร หรือทำอาชีพอะไรอยู่
สิ่งที่สำคัญคือ คุณเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างไร ระหว่างลูกแกะ กับโจรสลัด ?
หากคุณเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบโจรสลัด ช่วยฝากคอมเม้นท์ไว้ใต้บทความนี้
ถ้ามีเยอะ ผมจะเขียนบทความต่อไป ว่าทำอย่างไร คุณจะมีวิถีชีวิตแบบโจรสลัด
ผมอยากหาเพื่อน ที่จะออกไปลุยในโลกกว้างด้วยกันครับ