เพราะชีวิตเราต้องเจอกับการเลือกจริงไหมครับ? ทุกๆ วันเราต้องตัดสินใจกับเรื่องราวต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะเรื่องการใช้ชีวิต
แต่บ่อยครั้งที่เราก็ไม่รู้ว่า… เราจะเลือกอะไรกันแน่ เพราะต้องการเลือกให้ได้สิ่งที่ดี และถูกต้อง จริงไหมครับ?
วันนี้ผมมีเรื่องราวของการเลือก ที่อยากจะนำมาแบ่งปันครับ เรื่องก็คือ…..
มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังสนุกสนานอยู่กับโอกาสดีๆ ในชีวิต วันหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นวันที่ดีมากๆ ของเขา เพราะเขากำลังจะได้รับโอกาสพิเศษ… สุดๆในการเข้าร่วมงานเสวนาที่จัดโดยบริษัทยักษ์ใหม่
ซึ่งจะทำให้เขาได้พบกับโอกาสใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม งานนี้ก็ไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปได้เข้า ต้องเป็นคนในเท่านั้น มันเป็นโอกาสทองของชีวิตที่อาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว!!
ในขณะที่เขากำลังเตรียมตัวเพื่อจะไปร่วมงานสำคัญนี้ ก็ได้มีสายโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายจากผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่ง
เมื่อเขารับโทรศัพท์… เขาก็ได้ยินเสียงที่สั่นเครือ เหมือนคนที่กำลังร้องไห้อย่างหนักกำลังพยายามพูดกับเขา เธอพูดไปร้องไห้ไป จนเขาฟังเสียงของเธอไม่รู้เรื่อง
เขาพอจับใจความไว้ว่า… ผู้หญิงที่ปลายสายคนนั้น กำลังจะต้องไปเข้ารับการตรวจโรคที่ รพ. ประจำจังหวัด ซึ่งอยู่ห่างจากที่ที่เขาอยู่ เกือบๆ 300 กิโลเมตร
เพราะหมอได้สันนิฐานว่า… เธออาจเป็นเส้นเลือดตีบ ในตอนนั้นเอง… เขาเกิดความคิดขึ้นมาในใจว่า…
เขาควรจะตัดสินใจเลือกอะไรดี… ระหว่าง….การไปเข้าร่วมงานสำคัญที่อาจเปิดโอกาสในชีวิตใหม่ให้เขา ซึ่งโอกาสนั้นก็จะนำมาซึ่งความสุขของตัวเขา และคนที่เขารัก
กับ การเลือกเดินทางไกลกว่า 300 กิโลฯ เพื่อไปดูว่า “ผลการตรวจ” จะเป็นอย่างไร? ซึ่งอาจจะไม่มีอาการเส้นเลือดตีบเลย หรือมีอาการจริงก็ไม่รู้!
ถ้าเป็นคุณ.. คุณจะเลือกเส้นทางไหนครับ?
สำหรับชายคนนั้น… เขาเลือกที่จะทิ้งโอกาสที่จะดูเหมือนยิ่งใหญ่ เขาเลือกทิ้งโอกาสสำคัญที่อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เพื่อเลือกเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อไปดูผลตรวจอาการของผู้หญิงคนนั้น!!
เพราะเขารู้ดีว่า ต่อให้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหนมากองอยู่ตรงหน้า ก็คงไม่สำคัญเท่ากับการที่เขาได้ทำหน้าที่… “ลูกที่ดีของแม่ที่เขารัก”
ใช่ครับ… ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของเขานั่นเอง
จริงอยู่ที่ว่า.. การที่เขาเลือกทิ้งโอกาสสำคัญไป อาจดูไม่สมเหตุสมผล เพราะถึงเขาจะวิ่งกลับไป ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการตรวจได้อยู่แล้ว
และที่สำคัญโอกาสที่ดีที่เขากำลังจะไปหานั้น มันก็จะช่วยให้แม่เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้อีกด้วย เขาสามารถเลือกที่จะอยู่ร่วมงานให้เสร็จก่อน แล้วก็เดินทางกลับไปหาแม่ก็ได้
เพราะอะไรๆ มันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่แล้ว… จริงไหมครับ!! งั้นผู้ชายคนนั้นคิดอะไรล่ะ? ผู้ชายคนนั้นคิดแบบนี้ครับ…..
“มันไม่สำคัญหรอกว่าแม่ของเขาจะป่วยจริงหรือไม่จริง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ณ เวลานั้นก็คือ… แม่ของเขาต้องการกำลังใจอย่างมาก
และถ้าเขาพลาดโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่จะทำให้แม่ของเขามีกำลังใจ ต่อให้เขาสำเร็จมากขนาดไหน มีเงินมากเท่าไหร่มากองให้สูงจนท่วมหัว…
เขาก็อาจไม่ได้เห็น………. รอยยิ้มที่สดใสจากใจของแม่อีกเลย”
และผู้ชายคนนั้น ก็คือ… ตัวผมเอง!
ผมเลือกที่จะกลับไปหาแม่… เพราะว่า ไม่ว่าจะเลือกทางไหนจากทั้ง 2 ทางเลือก เป้าหมายปลายทางสุดท้ายของผมก็คือ… การทำให้แม่มีความสุข
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจ… เลือกสิ่งที่ใช่.. และได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วที่สุดทันที ผมกลับไปพร้อมกับพลังใจอันเต็มเปี่ยม ผมเข้าไปหาแม่ด้วยรอยยิ้ม
พูดกับแม่ด้วยความสดในร่าเริง และเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะ
เพราะผมรู้ดีว่า… การที่ผมสามารถมีกำลังใจได้ในสถานการณ์นี้ มันจะช่วยยกให้กำลังใจของแม่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ถ้าต้องเทียบกับการตีหน้าเศร้า และเดินเข้าไปหาด้วยความทุกข์ใจ
และทุกสิ่งที่เกิดขึ้น… ผมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพราะผมรู้ว่านี่คือ “สิ่งที่ใช่” ครับ
คุณเชื่อไหม…. พอไปถึงแล้วอาการของแม่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วมากๆ ตอนแรกหมอบอกว่าจะต้องอยู่ให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอีก 2 วัน
แต่แม่สามารถกลับบ้านได้หลังจากผ่านวันแรกเท่านั้น เพราะหมอเห็นว่าไม่มีอาการอะไร
และที่สำคัญไปกว่านั้น…. หลังจากกลับมาแล้วผมไม่ได้มานั่งเสียดายโอกาสที่ผมเลือกทิ้งไปเลย แต่ผมกลับไปรับแรงบันดาลใจที่จะเริ่มต้นทำความฝันของผมให้ชัดเจน ยิ่งใหญ่ และมีพลังมากกว่าเดิมเสียอีก
เพราะการกลับไปครั้งนี้มันช่วยย้ำเตือนให้ผมรู้ว่า… ผมรอช้าไม่ได้แล้ว และทุกๆ ก้าวที่ผมช้าลง และหลงทางไปกับโอกาสดีๆ ที่ไม่จำเป็น มันอาจทำให้ผมเดินหน้าต่อไปได้ช้าเป็นเต่าเลยก็ได้
หลังจากกลับมา ผมจึงตัดสินใจ เดินหน้าเต็มที่ (ให้มากกว่าเดิม 10 เท่า) ผมประกาศเรื่องการก่อตั้งสถาบัน Amazing Life Academy บนเฟสบุคทันที
ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากเพื่อนๆ ที่เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์เดียวกัน
วิสัยทัศน์ที่จะสร้างสรรค์และช่วยเหลือให้คนที่กำลังหลงทาง หมดไฟ ไร้เป้าหมายในชีวิต สามารถพลิกชีวิตตัวเองกลับมาเป็นคนสำเร็จ และสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้
ในเวลา 3 ปี หรือน้อยกว่านั้น!!!
เพราะเลือกสิ่งที่ใช่ จึงได้ทำสิ่งที่รัก
ผมคงไม่กล้าตัดสินใจกระโดดมาเล่นในเกมที่ใหญ่ และโฟกัสได้มากขนาดนี้ครับ หากผมยังคงเลือกพาตัวเองไปกับโอกาสดีๆ ใหม่ๆ จนลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของผมไป
การที่ผมได้เลือกกลับไปหาแม่.. มันทำให้ผมได้เตือนสติตัวเองว่า.. เราช้าไม่ได้แล้วนะ แล้วก็ทำให้ผมคิดได้ว่า… สิ่งที่ผมอยากจะช่วยคนก็คือการได้ช่วยสนับสนุน และทำให้เขาสามารถออกแบบชีวิต และมีชีวิตที่พวกเขาเลือกกำหนดได้ด้วยตัวเอง
เพื่อที่หากวันใด พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญมากๆ แบบผม ผมก็อยากให้เขา.. เลือกในสิ่งที่พวกเขารักได้อย่างมีความสุขจากใจครับ
พวกเขาจะได้มีพลังใจที่จะเลือกแต่สิ่งที่ใช่… เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่รัก เพิ่มขึ้นยังไงล่ะ!
มาเลือกสิ่งที่ใช่กันครับ…
กิตติ ไตรรัตน์
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง National Director ของ The Passion Test ประจำประเทศไทย
ผู้มีความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสนับสนุนให้ผู้คน มีอิสรภาพจากภายในใจ
www.KittiTrirat.com