เพิ่มความสำเร็จให้องค์กรด้วยการปลูกฝัง Entrepreneurship Mindset ให้ทีมของคุณ
ในฐานะเจ้าของกิจการ ผมมีหนึ่งความลับที่อยากจะมาแบ่งปัน
มันเป็นความลับในการช่วยให้ธุรกิจผ่านพ้นปัญหา ก้าวข้ามอุปสรรค และเติบโตขึ้นกว่าเดิมแม้จะพบเจอความเปลี่ยนแปลงมากมายขนาดไหนก็ตาม
และที่สำคัญที่สุด นี่คือความลับที่ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจเก่ง ๆ ซึ่งเคยนำพาธุรกิจให้เติบโตท่ามกลางวิกฤตไม่เคยบอกคุณมาก่อน
===
หัวใจของความสำเร็จของธุรกิจคือการพัฒนา Mindset ของคน
คนเก่งที่มีทักษะ ความสามารถ มีมันสมองเป็นเลิศ บริหารจัดการตัวเองได้ดีเยี่ยม เป็นทรัพยากรบุคคลที่ทุกบริษัทต้องการตัว แต่สิ่งสำคัญซึงเป็นรากฐานของทุกสิ่งที่กล่าวไปซึ่งน้อยคนจะพูดถึงก็คือ ทัศนคติ หรือ หลักคิด หรือ Mindset ของคน ๆ นั้น
ไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าองค์กรคุณมีคนที่เก่งและฉลาดสุด ๆ แต่มี Mindset ที่ไม่ดี หรือ พูดให้ตรงกว่านั้นก็คือ มี Mindset ที่ไม่ได้ช่วยให้องค์กรเติบโต
ซึ่งหนึ่งใน Mindset ที่จะช่วยให้องค์กรก้าวข้ามปัญหาและเติบโตท่ามกลางวิกฤตได้ก็คือ Entrepreneurship Mindset หรือ ทัศนคติของการเป็นผู้ประกอบการ
คุณอาจจะตั้งคำถามว่าเพราะอะไรพนักงานหรือทีมงานจะต้องมีทัศนคติของผู้ประกอบการด้วย ในเมื่อเขาไม่ใช่ผู้ประกอบการนี่นา จริงอยู่ครับที่ถ้ามองในนิยามหรือความหมายแบบตรงตัวแล้ว พนักงานของเราจะไม่ใช่ผู้ประกอบการโดยตรง แต่ถึงอย่างไรทัศนคติของผู้ประกอบการก็จำเป็นต่อการทำงานแบบมืออาชีพเป็นอย่างมาก
===
ทัศนคติที่แตกต่างกันของ ‘ลูกจ้าง (Employee) กับ ‘ผู้ประกอบการ ( Entrepreneur)’
เพื่อให้คุณเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ผมจะยกตัวอย่างทัศนคติหรือหลักคิดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของคนสองแบบ (ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับตำแหน่งงานนะครับ) นั่นคือ คนที่มองว่าตัวเองคือลูกจ้าง กับ คนที่มองว่าตัวเองคือผู้ประกอบการ คนหนึ่ง
ด้านเป้าหมาย
ลูกจ้างจะต้องการความมั่นคง (Security) VS ผู้ประกอบการจะมองหาการเปลี่ยนแปลง (Change)
ลูกจ้างโหยหาความมั่นคงปลอดภัยเป็นชีวิตจิตใจ เขาจึงไม่กล้าเสี่ยง ไม่คิด ริเริ่ม ทำอะไรใหม่ ๆ และหวาดกลัวปัญหา อุปสรรค ความท้าทายที่เข้ามาเป็นอย่างมาก
ด้วยทัศนคติเช่นนี้ทำให้เขาทำอะไรแบบพอผ่านไปวัน ๆ ไม่คิด ริเริ่มทำอะไรใหม่ ๆ แม้ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะไม่เวิร์ค หรือ ยังดีไม่สุด(มันสามารถทำให้ดีเยี่ยมกว่านี้ได้)
ส่วนผู้ประกอบการคือคนที่มองหาความเปลี่ยนแปลง เขารู้ดีว่าทุกวิกฤตและปัญหาที่ผ่านเข้ามามีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เขายอมรับความจริงที่ว่าทุกสิ่งในโลกล้วนเปลี่ยนแปลงและไม่แน่นอนเสมอ พวกเขาจึงไม่กลัวความเปลี่ยนแปลง ไม่กลัว ปัญหา แถมยังพยายามคิดและทำสิ่งใหม่ ๆ ให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมออีกด้วย
===
ด้านอารมณ์
ลูกจ้างจะหวาดกลัว (Fear) VS ผู้ประกอบการจะมีไฟ (Motivation)
สอดคล้องกับด้านเป้าหมายที่ได้บอกไป เมื่ออยู่ด้วยภาวะยึดมั่นในความมั่นคงปลอดภัย ลูกจ้างก็จะเกิดความกลัวท่วมท้นใจ คนกลุ่มนี้จะหวาดผวากับความเปลี่ยนแปลงและปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาเป็นอย่างมาก และภาวนาไม่ให้เกิดปัญหาใดใด
รวมถึงเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจริง ๆ พวกเขาจะเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากในการบ่น ด่า ว่า แก้ตัว และโทษคนอื่น สิ่งอื่นนอกตัว
ส่วนผู้ประกอบการนั้นเมื่อตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด พวกเขาจึงมองว่าทุกปัญหา ทุกการเปลี่ยนแปลงคือเรื่องปกติและโอกาสที่เข้ามาให้ได้เสี่ยง พวกเขามีไฟอยู่ภายในที่พร้อมจะเผชิญความท้าทายเหล่านั้นและสร้างความสำเร็จจากความท้าทายเหล่านั้นด้วย
===
ด้านคาแรคเตอร์
ลูกจ้างจะเป็นคนล้มแล้วเลิก (Vulnerability) VS ผู้ประกอบการจะเป็นคนล้มแล้วลุก (Resilience)
แน่นอนว่าทุกคนจะต้องพบเจอปัญหา อุปสรรค ความไม่สะดวกสบาย ซึ่งมีทั้งขนาดเล็กๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่และซับซ้อน คนที่มองว่าตัวเองเป็นลูกจ้างเมื่อพบเจอปัญหาจะเข็ดขยาด
เขาอาจไม่กล้าทำสิ่งนั้นต่อ หลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ต้องพบเจอเรื่องคล้ายเดิม หรือ แย่ไปกว่านั้นก็คือ ไม่สามารถลุกขึ้นยืนหยัดได้ใหม่ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลายหรือสะสมเรื้อรัง
ส่วนผู้ประกอบการคือคนจำพวก Resilience คือ ล้มแล้วลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง คนกลุ่มนี้เหมือนคนที่ฆ่าไม่ตาย ไม่ใช่ว่าจะไม่เศร้า เสียใจ หรือไม่ท้อ ไม่เครียดเวลาเจอปัญหา พวกเขามีความรู้สึกเหล่านั้นไม่ต่างจากลูกจ้าง
สิ่งที่ต่างกันคือพวกเขากำหนดขอบเขตความเศร้าเสียใจ ผิดหวังเอาไว้ แล้วสามารถลุกขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหรือปล่อยวางเรื่องที่แก้ไม่ได้แล้วทำสิ่งอื่นต่อไป
===
ด้านความรับผิดชอบ
ลูกจ้างจะรับผิดชอบตามหน้าที่ (Responsibility) VS ผู้ประกอบการจะรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ (Accountability)
นี่คืออีกหนึ่งความแตกต่างที่ส่งผลอย่างมหาศาล ลูกจ้างทำตามบทบาทหน้าที่แค่ให้เสร็จไปวัน ๆ คำว่า คุณภาพเป็นเลิศ หรือ คุณภาพเหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าเป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในหัวของลูกจ้าง
ส่วนผู้ประกอบการจะโฟกัสที่ผลลัพธ์ เขาอาจไม่ได้ทำตาม Job Description ที่วางไว้แบบเป๊ะ ๆ แต่เขาคำนึงถึงคุณภาพของผลลัพธ์ ความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้ที่เขาส่งมอบงานเป็นหลักนั่นเอง
===
สรุปองค์ประกอบของ Entrepreneurship Mindset in Organization
เมื่อเข้าใจความต่างระหว่างคนที่มองว่าตัวเอง(เป็นแค่) ลูกจ้าง กับ คนที่มองว่าตัวเองคือ ผู้ประกอบการ คนหนึ่งแล้ว คุณจะเห็นภาพแล้วว่าเพราะอะไรเราถึงควรปลูกฝังทัศนคติของผู้ประกอบการให้แก่ทีมงานของเรา
และทั้งหมดนี้คือองค์ประกอบที่สำคัญของ Entrepreneurship Mindset
- Drive for Change (มีแรงขับดันจากภายใน)
- Self – Motivation (สร้างไฟให้ตัวเองได้)
- Resilience (ล้มแล้วลุก มีความถึกทน)
- Accountability (มีความรับผิดชอบที่แท้จริง)
คำถามก็คือ แล้วเราจะปลูกฝังหรือพัฒนา Entrepreneurship Mindset ให้ทีมงานได้อย่างไร ผมจะบอกวิธีการที่ผมใช้จริงกับองค์กรของตัวเองและนำไปถ่ายทอดให้แก่องค์กรที่ผมเป็นที่ปรึกษาแล้วประสบความสำเร็จมากกว่าสิบองค์กร
===
วิธีการพัฒนา Entrepreneurship Mindset ให้พนักงาน
การจะพัฒนา Entrepreneurship Mindset ขึ้นมาได้ คุณกับพนักงานจำเป็นจะต้องรู้เรื่องสำคัญอย่างน้อย 2 เรื่อง
เรื่องที่ 1 ระยะห่างระหว่างจุดสองจุด
จุด A = ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน
จุด B = ปลายทางที่เราต้องการจะไปอยู่ที่ไหน
คุณกับคนในทีมจำเป็นต้องพูดคุยเพื่อให้เห็นภาพจุดทั้งสองให้ชัดเจนที่สุด เพื่อจะได้มองเห็นว่าระยะห่างระหว่างจุดทั้งสองมีมากแค่ไหน ต้องใช้เวลาในการเดินทางนานแค่ไหน แล้วระหว่างทางอาจมีอุปสรรคอะไรเกิดขึ้นบ้าง
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการสร้าง Entrepreneurship Mindset คือ ความคิดที่ว่าทุกสิ่งที่ทำออกมาต้องประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งแก้ได้โดยการ ปรับวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงด้วย Agile Mindset คลิกอ่านที่นี่
===
เรื่องที่ 2 Talent Level Model
นี่คือโมเดลที่เปรียบเหมือนแผนที่ Mindset ของคน มันจะช่วยให้คุณเข้าใจคนในองค์กรได้มากขึ้นว่าตอนนี้คนไหนมี Mindset อยู่ ณ จุดไหน นำไปสู่การเลือกวิธีการพัฒนา Mindset ของเขาได้ดีขึ้นด้วย
โมเดลนี้จะแบ่งคนตามระดับ Mindset ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของความคิดและพฤติกรรมของคน ๆ นั้น เราจะสามารถวิเคราะห์ได้ว่าคน ๆ นี้มี Mindset ที่เข้าใกล้ความเป็นผู้ประกอบการมากกว่าลูกจ้างหรือไม่
ประโยชน์ของการเรียนรู้ Talent Level Model
- ทำให้เข้าใจถึงรากของพฤติกรรมและความคิดของตัวเองและคนในทีม
- ทำให้เห็นอุปสรรคหรือสิ่งที่ฉุดรั้งการเติบโตของคนแต่ละคน
- ได้รู้วิธีการและขั้นตอนในการพัฒนา Mindset ของเราและคนในทีมให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ซึ่งรายละเอียดเรื่อง Talent Level Model นั้นมีเยอะมาก ไม่สามารถเขียนอธิบายอย่างละเอียดได้ในบทความนี้ ซึ่งถ้าคุณต้องการเรียนรู้และฝึกฝนโมเดลนี้ ตลอดจนเทคนิควิธีการพัฒนา Entrepreneurship Mindset ให้แก่คนในทีมของคุณ ผมมีโปรแกรมที่สามารถพัฒนาและต่อยอดให้พนักงานของคุณกลายเป็นผู้ประกอบการภายในองค์กรอย่างเต็มตัวแม้ว่าเขาจะไม่เคยมีหลักคิดหรือพฤติกรรมแบบผู้ประกอบการมาก่อนเลยก็ตาม
โปรแกรมนี้ชื่อ Corporate Entrepreneurship Program ดูรายละเอียดที่นี่
===
บทความโดย
อ.พีท ชวรณ ธีระกุลชัย
Business Transformation Coach
Learning Hub Thailand – เราพัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและทำงานอย่างมีความสุข
ปรึกษาเรื่องการพัฒนาทีมในองค์กร ติดต่อ Line @lhtraining หรือ โทร 0939254962
Recent Posts
- 3 กติกาง่าย ๆ ที่ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขในการประชุม
- 5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคนเบื่องาน ทะยานสู่ TOP 5 ในออฟฟิศ
- 5 เคล็ดลับ เปลี่ยนวันจันทร์ ให้เป็นวันสุข
- 5 วิธีสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเจ้าอารมณ์
- 7 ขั้นตอนทำงานร่วมกับเจ้านายดุให้มีประสิทธิภาพและมีความสุข
- วิธีทำชีวิตช้าลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- 5 เทคนิครับมือกับเพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหา
- 7 เทคนิค เลือกลูกน้องอย่างไรไม่ให้เปลี่ยนงานบ่อย
- 4 ขั้นตอน ลดความขัดแย้งภายในทีม
- 8 วิธีสร้างความน่าเชื่อถือในที่ทำงาน