ทำความรู้จักกับ “วายร้าย” ทำลายความตั้งใจ

05 04 2017

เฮเลน เคลเลอร์ นักเขียนอเมริกันผู้พิการซ้ำซ้อน (หูหนวกและตาบอด) เคยกล่าวไว้ว่า “ไม่ว่าอยากทำอะไร ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจกับมันมากพอ”

แต่คุณเคยรู้สึกไหม? ทุกครั้งที่เราตั้งใจแน่วแน่ กำหนดเป้าหมายชีวิตอย่างชัดเจน มักจะมี “3 สิ่ง” ปรากฏขึ้น ขัดขวาง-ฉุดรั้งให้เราพลาดท่า-หลงทาง!!!

 

แจ็ค แคนฟิลด์ ผู้เขียนหนังสือ The Success Principles และ Chicken Soup for the Soul เรียกมันว่า “สามวายร้าย” แต่คุณไม่ต้องไปกลัวพวกมันหรอกนะ… เพียงแค่ทำความรู้จักเจ้าสามวายร้ายนี้ เตรียมพร้อมรับมือทุกครั้งที่มันปรากฏตัว เพียงแค่นี้ เราก็จะไม่พลัดหลงจาก “เส้นทางแห่งความสำเร็จ” ไปได้…

คนส่วนใหญ่คาดหวังว่าทุกการกระทำจะปลอดโปร่งโล่งสบาย แต่ชีวิตจริงหาได้เป็นเช่นนั้น ระหว่างทางจะมีสารพัดอุปสรรค “คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คือคนที่สามารถก้าวข้ามเจ้าวายร้ายเหล่านั้น” และ “คนที่ประสบความสำเร็จ ก็จะมองเป้าหมายเป็นเรื่องท้าทาย”

พวกเขารู้ดีว่า ทุกเป้าหมายล้วนมีอุปสรรค… ชีวิตมักเป็นเช่นนี้!

แจ็ค แคนฟิลด์ย้ำว่า “ไม่ต้องตกใจ หรือท้อใจ เวลาเดินสะดุดนิดๆ หน่อยๆ ในช่วงระหว่างทางสู่ความสำเร็จ มันเป็นเพียงบททดสอบ เพื่อให้แน่ใจว่า… คุณอยากได้สิ่งนั้นมากขนาดไหน”

เรามาทำความรู้จัก “เจ้าสามวายร้าย” อุปสรรคขัดขวางความสำเร็จกัน… ว่ามีอะไรบ้าง…

 

1. ความวิตกคิดมาก

 

ถ้าเป็นช่วงวัยเรียน คุณย่อมอยากได้คะแนนดีๆ ได้เกรดเอทุกวิชา และในช่วงเวลานั้น คุณจะเริ่มคิดว่า “ฉันต้องเรียนหนักเป็นสองเท่า”, “ฉันจะไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนเหมือนเมื่อก่อน”, “ถ้าทุ่มเทเวลาให้แล้วยังไม่ได้เกรดเอล่ะ?” ทั้งหมดนี้คือ… ความวิตกคิดมาก

คุณเริ่มมองออกแล้วใช่ไหมว่า ทำไมหลายคนถึงชอบหาข้ออ้างไม่ทำโน่น… ไม่ทำนี่… พวกเขาไม่ได้ไร้ความสามารถ พวกเขาแค่ได้ยิน “คำพูดด้านลบ” ติดต่อกัน ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนกลายเป็นการล้างสมองตัวเอง เราทุกคนล้วน “วิตกคิดมาก” ในรูปแบบที่แตกต่างกัน ไม่มีใครมั่นใจเต็มร้อยได้ตลอดเวลาหรอก

แจ็ค แคนฟิลด์แนะนำว่า “ไม่ควรปล่อยให้ ‘ภาวะวิตกคิดมาก’ ฉุดรั้งให้เราไม่ทำอะไรเลย แต่ควรมองเป็นเครื่องมือช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมืออุปสรรคที่อาจรออยู่ข้างหน้า ความวิตกคิดมากมีประโยชน์ ถ้าคุณสามารถเผชิญหน้ากับมัน แล้วก้าวต่อไป เพราะในท้ายที่สุด คุณจะพบว่า สิ่งที่วิตก-หมกมุ่น-ครุ่นคิด ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริง แต่อย่างใด”

 

2. ความหวาดกลัว

 

ถึงคุณจะมี “ความกล้า” มากขนาดไหน แต่เราทุกคนล้วนมี “ความหวาดกลัว” ซุกซ่อนอยู่ภายในด้วยกันทั้งสิ้น เพราะภาวะหวาดกลัว คืออารมณ์ที่ทุกคนเคยสัมผัส อาจจะเคยถูกปฏิเสธ เคยล้มเหลว เคยอับอายขายหน้า หรือเคยเจ็บปวดทางร่างกาย เหล่านี้ส่งผลให้เรารู้สึกหวาดกลัวว่าจะเจอแบบนั้นอีก!

“สิ่งที่ควรระลึกไว้เสมอคือ ความหวาดกลัวเป็นเพียงห้วงอารมณ์หนึ่งของชีวิต” แจ็ค แคนฟิลด์ อธิบายเพิ่มเติม “ก็แค่ปล่อยความหวาดกลัวเป็นตัวชี้นำให้เราระมัดระวังสิ่งแปลกปลอม แต่อย่าให้มันเข้ามาบงการชีวิตทั้งหมดของเรา… คนประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่กำจัดความกลัวทิ้งไปจนหมด แต่พวกเขาเรียนรู้ที่จะรับเอาบางอย่างจากความรู้สึกหวาดกลัวเหล่านั้น มาปรับใช้”

ความรู้สึกหวาดกลัว คือการพุ่งเป้าไปยังสิ่งที่คุณไม่อยากให้เกิด ฉะนั้น ลองยับยั้งตัวเองและคิดในมุมกลับดูว่า คุณอยากให้สิ่งต่างๆ เป็นไปอย่างไร? “นึกภาพในใจ ว่าทุกสิ่งเป็นไปอย่างใจต้องการ เห็นมัน รู้สึกถึงมัน และเชื่อมัน” ถ้าทำแบบนี้ได้บ่อยครั้ง คุณจะสร้างความมั่นใจไว้เผชิญหน้ากับความหวาดกลัว ทั้งยังสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ

 

3. อุปสรรคกีดขวาง

 

เราทุกคนล้วนต้องเจอกับ “อุปสรรคกีดขวาง” ที่โลกส่งมาทดสอบความตั้งใจ เป็นเหตุการณ์ภายนอกที่มักอยู่นอกเหนือการควบคุม และมีเพียงคุณเท่านั้นที่รับมือกับมัน!

แจ็ค แคนฟิลด์ บอกว่า “สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับอุปสรรคกีดขวาง คือความไม่จีรังยั่งยืน พวกมันอยู่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าคุณเอาจริงเอาจังมากพอ คุณย่อมหาทางจัดการพวกมันให้พ้นเส้นทางได้”

ในบางครั้ง อุปสรรคกีดขวางจะถาโถมมาในหลากรูปแบบ ฝนอาจตกในวันที่คุณตั้งใจไปเที่ยวทะเล, เจอเพื่อนบ้านน่ารำคาญ, ที่ทำงานใหม่ไม่เป็นอย่างที่คิด, คุณทำไม่ได้อย่างที่หัวหน้าต้องการ, ผู้บังคับบัญชาไม่สนับสนุนแนวคิดที่คุณนำเสนอ ฯลฯ อุปสรรคเหล่านี้เป็นแค่เหตุการณ์ในโลกความจริงที่คุณต้องรับมือ เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้า…

หลายอย่างอาจเหนือการควบคุม แต่ไม่ใช่ทางตันไร้ทางแก้ เว้นเสียแต่คุณเลือกที่จะ “ยอมแพ้”

เวลาที่คนส่วนใหญ่เจอ “เจ้าสามวายร้าย” ขัดขวางความสำเร็จ (ความวิตกคิดมาก, ความหวาดกลัว, อุปสรรคกีดขวาง) พวกเขาจะมองเห็นมันเป็น “ป้ายสั่งให้หยุด” แต่ในความเป็นจริง พวกมันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของบททดสอบ เพื่อให้เราก้าวข้ามไป…

แจ็ค แคนฟิลด์ สรุปได้น่าฟังว่า “ถ้าเส้นทางชีวิตของคุณไม่เจอพวกมันเหล่านี้ นั่นอาจเป็นไปได้ว่า คุณยังตั้งเป้าหมายชีวิตไม่ชัดเจน หรือไม่ใหญ่พอที่จะยืดขยายตัวเอง เพื่อเติบโตเป็นบุคคลผู้ประสบความสำเร็จ”

เรียบเรียงโดย LEARNING HUB THAILAND

5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณ…ให้ทำทันที!

16 03 2017

คุณเป็นอีกคน ที่ชอบพูดว่า “เดี๋ยวก่อน… เดี๋ยวค่อยทำ…” จนติดปากหรือเปล่า!? แล้วรู้ไหม… ในท้ายที่สุด สิ่งที่ต้องทำ แต่คุณบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” กลับกลายเป็นว่า “ไม่เคยเกิดขึ้นเลย” เนื่องมาจากการ “เลื่อน” ของคุณไปเรื่อยๆ นั่นเอง

“การผัดวันประกันพรุ่ง” เลื่อนสิ่งที่ต้องทำไปก่อน ไม่ได้กระทบแค่ตัวคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังกระทบคนอื่นโดยคุณอาจไม่รู้ตัวอีกด้วย เช่นเรื่องง่ายๆ อย่างการที่แฟนคุณขอร้องให้พาหมาไปอาบน้ำ แต่คุณผัดผ่อนจนกระทั่งมันสกปรกมากๆ เห็บขึ้นเต็มตัว และกลายเป็นการสร้างงานให้ทั้งคุณและครอบครัวในภายหลัง

นั่นคือตัวอย่างเล็กๆ แต่บางครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องทำในตอนนี้ อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง กระทบทั้งความสัมพันธ์ สุขภาพ และการเงินของคุณในอนาคต ก็เป็นได้… เพื่อไม่ให้ติดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง เรามี “5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณให้ทำทันที” ดังนี้…

 

1. หาเหตุผลของการไม่ทำทันที

 

คุณต้องมองให้ออกว่า ทำไมคุณถึงไม่อยากทำมันตอนนี้… ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป… บางอย่างอาจเป็นเพราะความกลัว ความไม่แน่ใจ ความขี้เกียจ หรือการที่คุณยึดติดกับคำว่า “สมบูรณ์แบบ” มากเกินไป

บางคนอาจกลัวความเปลี่ยนแปลง หรือกลัวชีวิตจะเปลี่ยนไป แต่พวกเขากลับลืมไปว่า ถ้าพวกเขาไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ อาจทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น การลดความอ้วน คุณมักหลอกตัวเอง ว่ากินแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวค่อยเริ่มลดพรุ่งนี้ก็ได้ สุดท้ายกลับไม่ทันการณ์ คุณตรวจพบไขมันสูง และน้ำตาลในเลือดสูง เสียแล้ว!

เพราะฉะนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกิน คุณควรเริ่มจากการถามตัวเอง มีสติ และรู้ทันในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ เช่น ถามตัวเองว่า ถ้าฉันไม่ทำตอนนี้จะมีผลเสียอะไรบ้างในภายหลัง.. ทำไมฉันต้องทำตอนนี้ ไม่ควรเลื่อนออกไป.. พยายามจดมาเป็นข้อๆ เพื่อที่จะได้เห็นภาพของตัวเองได้ชัดขึ้น..

 

2. ขอเวลา 5 นาที ไม่ได้นานเท่าไหร่หรอก

 

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุด คือ “การเริ่มต้นลงมือทำ” คุณแค่ให้เวลากับตัวเองสักประมาณ 5 นาที เริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง… หลังผ่านจุดเริ่มต้นมาได้ คุณจะรู้สึกว่า “มันไม่ยากที่จะทำที่เหลือจนจบ”

และอย่าลืมว่า ในตอนที่คุณกำลังลงมือทำอยู่นั้น จงมีสมาธิ อย่าให้มีอะไรมาส่งผลให้คุณหยุดทำ! และถ้าวันนี้คุณยังทำมันไม่เสร็จ คุณควรจัดสรรเวลาในวันพรุ่งนี้ เพื่อทำมันต่อทันที อย่าหยุด หรือขาดช่วง และเมื่อคุณเริ่มทำครั้งต่อไป คุณแค่บอกตัวเองว่า ขอเวลา 5 นาทีเพื่อเริ่มต้น สุดท้ายคุณจะพบว่า โครงการที่คุณค้างๆ คาๆ มีความคืบหน้าไปมากกว่าที่คุณคิด…

 

3. จดจ่อกับความรู้สึกดีๆ หลังจากที่คุณทำเสร็จ

 

คุณลองนึกภาพตัวเองว่า “ถ้าคุณทำโครงการนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์” คุณจะรู้สึกอย่างไร? ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร? และถ้าคุณไม่ได้เริ่มทำสักที คุณจะเห็นภาพตัวเองเป็นแบบไหน?

คุณลองจินตนาการภาพเหล่านั้นในหัว รวมถึงความรู้สึกทั้งสองอย่าง… ในแบบที่ว่า ถ้าคุณไม่เริ่มทำตอนนี้ กับตอนที่คุณทำมันเสร็จแล้ว จะมีผลกับคนรอบข้างและชีวิตคุณมากน้อยแค่ไหน?

และเพื่อเพิ่มความสมจริงให้มากขึ้น คุณลองเขียนและจำลองเหตุการณ์สมมติในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงในภายภาคหน้า อีก 3-5 ปีข้างหน้า คุณจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจ พอใจ ตื่นเต้น รู้สึกดี ถ้าคุณได้ลงมือทำจนสำเร็จ หรือคุณจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ขายขี้หน้า เป็นไอ้ขี้แพ้ ผิดหวังในตัวเอง เสียดายเวลา ถ้าคุณเลื่อนออกไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำ

ถ้าคุณเข้าใจผลการกระทำของคุณแล้ว ย่อมเป็น “ตัวกระตุ้นชั้นดี” ให้คุณจัดสรรเวลาและจัดเรียงอันดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำในชีวิตใหม่ และการ “ทำทันที” ก็จะเริ่มขึ้น!

 

4. มองหาความสนุกจากสิ่งที่ทำ

 

บ่อยครั้ง ด้วยโครงการที่ดูยิ่งใหญ่ และบางโครงการก็ต้องใช้พลังชีวิต ใช้เวลา และความตั้งใจอย่างมาก ส่งผลให้คุณรู้สึกกดดัน จนกลายเป็นว่าทำให้ทุกอย่างช้าลง และนำไปสู่การเลื่อนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

ถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นโครงการที่ดี แต่กลับไม่พร้อมที่เริ่มลงมือสักที คุณควรหาทางทำให้งานชิ้นนี้ของคุณ เป็นงานที่น่าสนใจ สนุก และเพลิดเพลิน… คุณอาจใช้ดนตรีทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เปลี่ยนบรรยากาศไปร้านกาแฟ ชวนเพื่อนมาร่วมด้วย…

แม้ว่าการมีความสุขและสนุกกับสิ่งที่ทำ อาจไม่ได้ทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังดีกว่าที่คุณเลื่อนมันออกไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ลงมือทำมันเลย…


5. บอกให้คนอื่นรู้ ว่าคุณตั้งใจทำอะไร


การที่คุณ “บอกให้คนอื่นรู้” ว่าคุณกำลังทำโครงการอะไรบางอย่าง ไม่ได้เป็นการร้องขอกำลังใจ หรือขอยอดไลค์จากคนอื่น แต่เพื่อเป็นการทำให้มีคนคอย “ย้ำเตือน” ในสิ่งที่คุณอยากทำ และลดข้ออ้างส่วนตัวต่างๆ ที่จะทำให้ไม่ได้ลงมือทำสักที!

และมันไม่จำเป็นที่คุณต้องประกาศให้ทุกคนรู้ คุณอาจบอกเพื่อนสนิทของคุณเพียงคนเดียว เพื่อที่เขาหรือเธอจะได้คอยเตือนสติคุณ ในเวลาที่คุณขี้เกียจและหาข้ออ้างให้ตัวเอง… นอกจากนี้ เพื่อนของคุณอาจมีคำแนะนำดีๆ มีตัวช่วยอื่นๆ ที่ทำให้คุณทำภารกิจสำเร็จเร็วขึ้น เช่น คุณอยากลดความอ้วน แต่กลับเลื่อนแล้วเลื่อนเล่ามาหลายปี เพื่อนของคุณอาจมีเทรนเนอร์ฝืมือดี สามารถรับมือกับนิสัยของคุณได้ หรือบางคนอาจมีโปรโมชั่นฟิตเนสดีๆ มาชวนคุณออกกำลังกาย ก็เป็นได้…

 

เรียบเรียงโดย LEARNING HUB THAILAND

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save