5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณ…ให้ทำทันที!

16 03 2017

คุณเป็นอีกคน ที่ชอบพูดว่า “เดี๋ยวก่อน… เดี๋ยวค่อยทำ…” จนติดปากหรือเปล่า!? แล้วรู้ไหม… ในท้ายที่สุด สิ่งที่ต้องทำ แต่คุณบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” กลับกลายเป็นว่า “ไม่เคยเกิดขึ้นเลย” เนื่องมาจากการ “เลื่อน” ของคุณไปเรื่อยๆ นั่นเอง

“การผัดวันประกันพรุ่ง” เลื่อนสิ่งที่ต้องทำไปก่อน ไม่ได้กระทบแค่ตัวคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังกระทบคนอื่นโดยคุณอาจไม่รู้ตัวอีกด้วย เช่นเรื่องง่ายๆ อย่างการที่แฟนคุณขอร้องให้พาหมาไปอาบน้ำ แต่คุณผัดผ่อนจนกระทั่งมันสกปรกมากๆ เห็บขึ้นเต็มตัว และกลายเป็นการสร้างงานให้ทั้งคุณและครอบครัวในภายหลัง

นั่นคือตัวอย่างเล็กๆ แต่บางครั้ง สิ่งที่ดูเหมือนไม่จำเป็นต้องทำในตอนนี้ อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง กระทบทั้งความสัมพันธ์ สุขภาพ และการเงินของคุณในอนาคต ก็เป็นได้… เพื่อไม่ให้ติดนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง เรามี “5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคุณให้ทำทันที” ดังนี้…

 

1. หาเหตุผลของการไม่ทำทันที

 

คุณต้องมองให้ออกว่า ทำไมคุณถึงไม่อยากทำมันตอนนี้… ทำไมถึงอยากเลื่อนมันออกไป… บางอย่างอาจเป็นเพราะความกลัว ความไม่แน่ใจ ความขี้เกียจ หรือการที่คุณยึดติดกับคำว่า “สมบูรณ์แบบ” มากเกินไป

บางคนอาจกลัวความเปลี่ยนแปลง หรือกลัวชีวิตจะเปลี่ยนไป แต่พวกเขากลับลืมไปว่า ถ้าพวกเขาไม่เริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ อาจทำให้ชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เช่น การลดความอ้วน คุณมักหลอกตัวเอง ว่ากินแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวค่อยเริ่มลดพรุ่งนี้ก็ได้ สุดท้ายกลับไม่ทันการณ์ คุณตรวจพบไขมันสูง และน้ำตาลในเลือดสูง เสียแล้ว!

เพราะฉะนั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกิน คุณควรเริ่มจากการถามตัวเอง มีสติ และรู้ทันในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ เช่น ถามตัวเองว่า ถ้าฉันไม่ทำตอนนี้จะมีผลเสียอะไรบ้างในภายหลัง.. ทำไมฉันต้องทำตอนนี้ ไม่ควรเลื่อนออกไป.. พยายามจดมาเป็นข้อๆ เพื่อที่จะได้เห็นภาพของตัวเองได้ชัดขึ้น..

 

2. ขอเวลา 5 นาที ไม่ได้นานเท่าไหร่หรอก

 

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุด คือ “การเริ่มต้นลงมือทำ” คุณแค่ให้เวลากับตัวเองสักประมาณ 5 นาที เริ่มลงมือทำอย่างจริงจัง… หลังผ่านจุดเริ่มต้นมาได้ คุณจะรู้สึกว่า “มันไม่ยากที่จะทำที่เหลือจนจบ”

และอย่าลืมว่า ในตอนที่คุณกำลังลงมือทำอยู่นั้น จงมีสมาธิ อย่าให้มีอะไรมาส่งผลให้คุณหยุดทำ! และถ้าวันนี้คุณยังทำมันไม่เสร็จ คุณควรจัดสรรเวลาในวันพรุ่งนี้ เพื่อทำมันต่อทันที อย่าหยุด หรือขาดช่วง และเมื่อคุณเริ่มทำครั้งต่อไป คุณแค่บอกตัวเองว่า ขอเวลา 5 นาทีเพื่อเริ่มต้น สุดท้ายคุณจะพบว่า โครงการที่คุณค้างๆ คาๆ มีความคืบหน้าไปมากกว่าที่คุณคิด…

 

3. จดจ่อกับความรู้สึกดีๆ หลังจากที่คุณทำเสร็จ

 

คุณลองนึกภาพตัวเองว่า “ถ้าคุณทำโครงการนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์” คุณจะรู้สึกอย่างไร? ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร? และถ้าคุณไม่ได้เริ่มทำสักที คุณจะเห็นภาพตัวเองเป็นแบบไหน?

คุณลองจินตนาการภาพเหล่านั้นในหัว รวมถึงความรู้สึกทั้งสองอย่าง… ในแบบที่ว่า ถ้าคุณไม่เริ่มทำตอนนี้ กับตอนที่คุณทำมันเสร็จแล้ว จะมีผลกับคนรอบข้างและชีวิตคุณมากน้อยแค่ไหน?

และเพื่อเพิ่มความสมจริงให้มากขึ้น คุณลองเขียนและจำลองเหตุการณ์สมมติในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นจริงในภายภาคหน้า อีก 3-5 ปีข้างหน้า คุณจะมีความรู้สึกภาคภูมิใจ พอใจ ตื่นเต้น รู้สึกดี ถ้าคุณได้ลงมือทำจนสำเร็จ หรือคุณจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ขายขี้หน้า เป็นไอ้ขี้แพ้ ผิดหวังในตัวเอง เสียดายเวลา ถ้าคุณเลื่อนออกไปเรื่อยๆ และสุดท้ายก็ไม่ได้ลงมือทำ

ถ้าคุณเข้าใจผลการกระทำของคุณแล้ว ย่อมเป็น “ตัวกระตุ้นชั้นดี” ให้คุณจัดสรรเวลาและจัดเรียงอันดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำในชีวิตใหม่ และการ “ทำทันที” ก็จะเริ่มขึ้น!

 

4. มองหาความสนุกจากสิ่งที่ทำ

 

บ่อยครั้ง ด้วยโครงการที่ดูยิ่งใหญ่ และบางโครงการก็ต้องใช้พลังชีวิต ใช้เวลา และความตั้งใจอย่างมาก ส่งผลให้คุณรู้สึกกดดัน จนกลายเป็นว่าทำให้ทุกอย่างช้าลง และนำไปสู่การเลื่อนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด

ถ้าคุณกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งที่รู้ว่าเป็นโครงการที่ดี แต่กลับไม่พร้อมที่เริ่มลงมือสักที คุณควรหาทางทำให้งานชิ้นนี้ของคุณ เป็นงานที่น่าสนใจ สนุก และเพลิดเพลิน… คุณอาจใช้ดนตรีทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น เปลี่ยนบรรยากาศไปร้านกาแฟ ชวนเพื่อนมาร่วมด้วย…

แม้ว่าการมีความสุขและสนุกกับสิ่งที่ทำ อาจไม่ได้ทำให้งานออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ก็ยังดีกว่าที่คุณเลื่อนมันออกไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ลงมือทำมันเลย…


5. บอกให้คนอื่นรู้ ว่าคุณตั้งใจทำอะไร


การที่คุณ “บอกให้คนอื่นรู้” ว่าคุณกำลังทำโครงการอะไรบางอย่าง ไม่ได้เป็นการร้องขอกำลังใจ หรือขอยอดไลค์จากคนอื่น แต่เพื่อเป็นการทำให้มีคนคอย “ย้ำเตือน” ในสิ่งที่คุณอยากทำ และลดข้ออ้างส่วนตัวต่างๆ ที่จะทำให้ไม่ได้ลงมือทำสักที!

และมันไม่จำเป็นที่คุณต้องประกาศให้ทุกคนรู้ คุณอาจบอกเพื่อนสนิทของคุณเพียงคนเดียว เพื่อที่เขาหรือเธอจะได้คอยเตือนสติคุณ ในเวลาที่คุณขี้เกียจและหาข้ออ้างให้ตัวเอง… นอกจากนี้ เพื่อนของคุณอาจมีคำแนะนำดีๆ มีตัวช่วยอื่นๆ ที่ทำให้คุณทำภารกิจสำเร็จเร็วขึ้น เช่น คุณอยากลดความอ้วน แต่กลับเลื่อนแล้วเลื่อนเล่ามาหลายปี เพื่อนของคุณอาจมีเทรนเนอร์ฝืมือดี สามารถรับมือกับนิสัยของคุณได้ หรือบางคนอาจมีโปรโมชั่นฟิตเนสดีๆ มาชวนคุณออกกำลังกาย ก็เป็นได้…

 

เรียบเรียงโดย LEARNING HUB THAILAND

ชีวิตสำเร็จได้ แค่เริ่มทำสิ่งที่ชอบ

24 03 2017

เคยมีคนกล่าวไว้ว่า “ให้พยายามค้นหาและทำสิ่งที่ชอบ แล้วรายได้จะตามมา เพราะถ้าคุณวิ่งไล่ล่าหาเงินตั้งแต่เริ่มต้น สุดท้ายคุณจะไม่มีวันค้นพบสิ่งที่ชอบ”

ในโลกทุนนิยม หลายคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ โดยลืมนึกถึงความสุขของตนเอง พวกเขาทนทำงานที่ไม่ชอบ หรือเกลียด เพียงเพราะต้องการเงินมาซื้อความสุขฉาบฉวย… พวกเขากำลังดำเนินชีวิตผิดกระบวนการ เพราะวิธีที่ถูกต้องคือ “ให้ค้นหาสิ่งที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข แล้วเงินจะตามมา”

มนุษย์ทุกคนล้วนมีบุคลิกเฉพาะตัว และมีสิ่งที่ชอบแตกต่างกัน เช่น บางคนชอบร้องเพลง ชอบพูด ชอบเล่นกีฬา ชอบคิดวิเคราะห์ ชอบเขียน ชอบวิจารณ์… คุณเริ่มรู้ตัวหรือยัง ว่าชอบทำอะไร? สิ่งใดที่ทำแล้วมีความสุข? หากคิดไม่ออก ให้ลองย้อนนึกดูว่า กิจกรรมอะไรที่คุณทำแล้วไม่รู้สึกเบื่อ?

หากคุณคิดออก… นั่นแสดงว่าคุณเจอสิ่งที่ชอบแล้วล่ะ! จากนั้นก็แค่ทุ่มเท ตั้งใจทำอย่างเต็มที่ รับรองเลยว่า ผลลัพธ์ที่ตามมาจะสวยงามและยั่งยืน…

นั่นหมายความว่า คุณจำเป็นต้องรู้จักตัวเอง ค้นหาสิ่งที่คุณชอบให้เจอ เพื่อที่คุณจะได้อยู่กับมันอย่างมีความสุข และได้ในสิ่งที่คุณต้องการ… บทความนี้จะอธิบายเพิ่มเติม ถึง “5 เหตุผล” ที่คุณควรหาสิ่งที่ชอบให้เจอ โดยเร็วที่สุด…

 

1. คุณจะรู้สึกดีและมีความสุข

 

การได้ทำในสิ่งที่รัก คือการมอบหัวใจและจิตวิญญาณลงไปในชิ้นงาน เมื่อคุณได้ลงมือทำสิ่งนั้น คุณจะรู้สึกดี สบายใจ มองโลกสดใส และแน่นอนว่า ผลงานจะออกมาดี ผลลัพธ์นี้จะทำให้คุณรู้สึกภูมิใจในตัวเอง… ในทางตรงกันข้าม หากคุณทำในสิ่งที่ไม่ชอบ คุณจะเครียด กดดัน รู้สึกต่อต้าน ฝืนใจตนเอง สุดท้ายก็ไม่สามารถทำงานออกมาให้ดีได้…

 

2. คุณจะก้าวเข้าใกล้ความสำเร็จ โดยไม่เหนื่อย

การได้ทำในสิ่งที่รัก จะทำให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เพราะความรักเปรียบเสมือนพลัง และทำให้คุณมีแรงต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ หากเปรียบเทียบระหว่างการทำงานที่ชอบ กับการทำงานที่เกลียด คุณจะพบว่า ตนเองสามารถทำงานที่ชอบให้สำเร็จได้โดยง่าย และผลลัพธ์ก็ออกมาดีกว่า นั่นเป็นเพราะคุณมีความสุขที่ได้ทำ แม้จะเกิดปัญหา คุณก็ไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องแก้ไข

แตกต่างกับการทำงานที่คุณเกลียด กว่าจะเป็นรูปเป็นร่าง คุณต้องใช้ความพยายามอย่างมาก และบ่อยครั้งก็แอบถอดใจนับครั้งไม่ถ้วน… ด้วยเหตุนี้ ความรักในงานจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้งานประสบความสำเร็จ อย่ารีรอที่จะลงมือทำในสิ่งที่คุณรัก เพราะมันจะช่วยสร้างฝันของคุณให้เป็นจริง!

 

3. คุณจะมุ่งมั่นทำต่อเนื่อง ไม่ย่อท้อ

 

ทุกเช้าที่เสียงนาฬิกาปลุกดัง คุณจะลืมตาตื่นขึ้นทันที หรือคุณจะงัวเงีย ล้มตัวลงนอนต่อ… หากเป็นแบบหลัง แสดงว่าคุณกำลังหมดไฟ ไม่อยากทำงานนั้นแล้ว! ทั้งวันของคุณจะเต็มไปด้วยความสุข จากการได้ทำงานที่คุณรัก เพราะมันจะหล่อเลี้ยงและคอยผลักดันให้คุณมีแรงก้าวต่อไป ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง

เราอยากให้คุณลองทำงานที่คุณรัก คุณชอบ แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงพลังที่มากขึ้น สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญ คุณจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ

 

4. คุณจะเติบโตและก้าวหน้า

 

การได้ทำในสิ่งที่รัก จะส่งผลให้คุณมีไอเดียใหม่ๆ ตลอดเวลา คุณจะสร้างสรรค์ผลงานได้มากมาย เป็นการพัฒนาตนเองและทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ… กลับกัน สำหรับคนที่กล้ำกลืนฝืนทนทำงานที่ตนเองไม่ชอบ คนเหล่านี้จะมีความคิดตื้อตัน คิดอะไรไม่ออก เพราะวันๆ คิดแต่จะทำงานให้เสร็จๆ โดยไม่สนใจผลลัพธ์ของงาน

 

5. คุณจะรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า

 

เราทุกคนเกิดมาล้วนต้องตาย ดังนั้น คุณจึงควรทำตามความฝัน ทำในสิ่งที่รัก ก่อนที่เวลาของคุณจะหมดไป มันไม่มีประโยชน์ที่คุณจะมานั่งทำงานด้วยสีหน้าบึ้งตึง บูดเบี้ยว ขมวดคิ้ว และกลับบ้านไปด้วยอาการไมเกรนกำเริบ นอกจากนี้ คุณไม่ควรทำงานไปวันๆ แบบเช้าชามเย็นชาม เพื่อรอวันเกษียณ

 

เวลา 1 วัน มี 24 ชั่วโมง เราทำงานประมาณ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของเวลาทั้งวัน ดังนั้น พยายามหางานที่ตนรัก ทำให้เต็มที่ เพราะมันคือส่วนหนึ่งของความสุข… ใช้เวลาให้คุ้มค่า เลือกทำตามที่ใจต้องการ คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ว่ายังไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ!

 

เรียบเรียงโดย LEARNING HUB THAILAND

กุญแจสำคัญ 5 ประการ สู่ความสำเร็จ

16 02 2017

มีคำกล่าวสืบต่อกันมาของนักรบซามูไรโบราณ ที่ว่า “หากต้องการเป็นซามูไรที่ดี… จงอย่ากลัว อย่าตกใจ อย่าลังเล อย่าไม่แน่ใจ และอย่ากลัวที่จะฝัน” ซึ่งคำกล่าวนี้ คือ “กุญแจสำคัญ 5 ประการ” ของการมีชีวิตอยู่ และการเป็นสุดยอดนักดาบ…

ริชาร์ด เทมพลาร์ นักคิด-นักเขียน-นักจิตวิทยาธุรกิจ เจ้าของผลงานหนังสือด้านการพัฒนาตนเองที่ขายดีทั่วโลก มากมายหลายเล่ม ได้อธิบายขยายความ “ไขรหัสลับแห่งความสำเร็จ” ดังกล่าว… ไว้ในหนังสือ The Rules of Life ว่ามีความสำคัญอย่างไร?

 

อย่ากลัว

ไม่มีสิ่งใดในชีวิตที่คุณต้องกลัว… ถ้ามี คุณก็ต้องหาทางเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้…

ผมยอมรับเลยว่า ผมกลัวความสูง ผมจะพยายามหลีกเลี่ยงที่สูงเท่าที่สามารถทำได้ แต่เมื่อเร็วๆ นี้ รางน้ำบนหลังคาบ้านเกิดรั่วขึ้นมา ผมต้องคลานขึ้นหลังคาไปเพื่อซ่อมรางน้ำนั้น… คิดดู ว่าตัวบ้านผมสูง 3 ชั้น และหลังคาก็ลาดชันมาก ผมกัดฟันและบอกกับตัวเองตลอดเวลาที่อยู่บนหลังคาว่า “อย่ากลัว อย่ากลัว อย่ากลัว”

จนกระทั่งผมซ่อมรางน้ำเสร็จ แน่นอนว่า ตอนอยู่บนหลังคา ผมไม่กล้ามองลงมาแม้แต่นิดเดียว… ดังนั้น ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คุณกลัว คุณต้องเผชิญหน้ากับมัน และเอาชนะความกลัวนั้นให้ได้…

 

อย่าตกใจ

ชีวิตคนเรา ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเรื่องน่าตกใจมากมาย ใช่หรือไม่?

อย่างเวลาที่คุณกำลังว่ายน้ำอยู่ แล้วจู่ๆ มีอะไรใหญ่ๆ โตๆ โผล่ขึ้นตรงหน้า!!! แต่ถ้าคุณมองมันอย่างพินิจพิจารณา คุณจะเห็นถึงร่องรอยของสิ่งนั้น ว่ามันมาจากไหน แล้วคุณก็จะหายตกใจ…

ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าคุณจะเป็นอย่างไร ทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงไป จนกระทั่งในที่สุด ความตกใจที่เกิดขึ้นฉับพลันนั้นจะหายไป…. เคยสังเกตไหมครับ ว่าทำไมชีวิตจึงดูเหมือนชอบสร้างความน่าตกใจให้แก่เรา? คำตอบก็คือ เรามัวแต่นอนหลับอยู่น่ะสิครับ คุณก็แค่ตื่นขึ้นมา เพ่งมองสิ่งแปลกปลอมอย่างตั้งใจ แล้วจะไม่มีสิ่งใดทำให้คุณตกใจได้อีกเลย…

 

อย่าลังเล

โปรดชั่งน้ำหนักของเหตุการณ์-สถานการณ์ต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต แล้วเลือกตัดสินใจให้เด็ดขาด เพราะถ้าคุณมัวแต่ลังเล โอกาสต่างๆ ที่ผ่านเข้ามา ก็จะผ่านไป…

ถ้าคุณใช้เวลาในการคิดอะไรสักอย่างนานเกินไป คุณจะไม่ได้เดินหน้าไปไหนเลย… หลังจากคุณพิจารณามองดูตัวเลือกต่างๆ อย่างถ้วนถี่แล้ว คุณต้องตัดสินใจเลือกสักหนึ่งตัวเลือก แล้วลงมือทำในสิ่งที่คุณตัดสินใจต่อไป…

“อย่าลังเล” หมายถึงว่า ถ้ามีสถานการณ์ที่คุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้น ก็ให้คุณกระโจนลงไปจัดการ และสนุกกับมันซะเลย! เพราะคงไม่มีอะไรจะสำเร็จลุล่วงได้ ถ้าคุณมัวแต่รีรอ…

 

อย่าไม่แน่ใจ

เมื่อคุณตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้ว ก็อย่าไปย้ำคิดย้ำทำ จมอยู่กับมัน… เพียงแค่หยุดคิด และสนุกกับสิ่งที่เกิดขึ้น…

คุณต้องรู้จักพักผ่อนและออกไปข้างนอก คุณต้องเลิกคิดกังวลใจ แล้ววันพรุ่งนี้ก็จะผ่านเข้ามาเหมือนอย่างที่เคยเป็น… ไม่มีอะไรเกี่ยวกับชีวิตที่คุณต้องไม่แน่ใจ ชีวิตก็เป็นเช่นนั้น!

“จงมั่นใจ จงเชื่อมั่น จงแน่ใจในตัวเอง” เมื่อคุณเชื่อมั่นในเส้นทางของคุณแล้ว ก็ให้คุณดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางนั้น ก้าวเดินต่อไป และเชื่อมั่นในการตัดสินใจของคุณ…

 

อย่ากลัวที่จะฝัน

“การมีฝัน” ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายๆ แต่คุณเองอาจต้องแปลกใจ เมื่อรู้ว่ามีคนมากมายที่ชอบ “จำกัดความฝันของตัวเอง” เราไม่ควรตีกรอบความฝัน… ความฝันแตกต่างจากแผนการอนาคตของชีวิต เพราะแผนอนาคตของชีวิตต้องสามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ความฝันอาจไม่ต้อง…

ผมเคยทำงานในธุรกิจการพนันมานานหลายปี ผมมักตั้งข้อสงสัยอยู่เสมอ เวลาที่ลูกค้าซึ่งเข้าไปเล่นการพนัน ทำไมพวกเขาไม่เคยมองเห็นว่าจะเสียเงินทุกครั้งไป… พวกเขาไม่สามารถกำหนดความสูญเสียที่เกิดขึ้น แต่กลับฝันถึงชัยชนะของตัวเอง ว่าได้เท่านั้นเท่านี้แล้วจะเลิกเล่น!!! 

ผมไม่สนับสนุนการเล่นการพนัน เพราะมันเป็นเรื่องไม่ดี เชื่อผมเถอะ! ประเด็นที่ผมต้องการจะสื่อ อยู่ตรงที่ผู้คนมากมายชอบ “จำกัดความฝันของตัวเอง” ลองเปรียบเทียบตัวเองเหมือนนักพนัน พวกเขาไม่เคยเลิกฝัน พวกเขาฝันถึงชัยชนะของตัวเองตลอดเวลา…

ความฝันไม่ใช่สิ่งเลวร้าย โปรดอย่าจำกัดความฝัน คุณจะฝันให้ไกล ให้ยิ่งใหญ่ ให้เกินจริง ให้เป็นไปไม่ได้ ให้งี่เง่า ให้มหัศจรรย์ ให้น่าแปลก หรือให้ไร้สาระแค่ไหนก็ได้ ตามแต่ที่คุณต้องการ…

นอกจากคุณควรจะมีความฝันแล้ว คุณยังมีความหวังได้อีกด้วย… ทั้งเรื่องความฝันและความหวัง ล้วนเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ มาห้ามไม่ให้คุณฝัน ไม่มีตำรวจมาวิ่งไล่ ไม่มีหมอมาวินิจฉัย ว่าความฝันของใครบ้างที่เป็นจริงไปไม่ได้!!!

จากประสบการณ์ส่วนตัวของผม ผมอยากจะให้คุณเอาใจใส่กับความฝันและความหวังของคุณ… ลองนึกภาพ ว่าถ้าความฝันและความหวังของคุณเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นคุณจะเป็นอย่างไร?

หลายคนคิดว่า “ความฝันต้องเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ถึงคุ้มค่าพอที่จะฝันถึง” แต่ผมมองว่า “ฝันนั้น ดูเป็นแผนการดำเนินชีวิตในอนาคต มากกว่าที่จะเป็นความฝัน”

ทั้งสองสิ่งนี้แตกต่างกันมาก ผมมีแผนการดำเนินชีวิต และผมก็ลงมือทำตามแผนนั้น ตามลำดับขั้นตอน เพื่อให้บรรลุผลอย่างที่ได้วางเอาไว้… ส่วนความฝัน อาจเป็นสิ่งที่ยากจะเกิดขึ้น หรือกระทั่งไม่มีวันเป็นจริงได้ แต่โปรดอย่าไปคิดว่า คุณจะไม่มีทางทำฝันหรูๆ นั้นให้เป็นจริง…

 

คุณรู้หรือไม่ว่า “ผู้คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต” ต่างก็เป็น “คนกล้าที่จะฝัน” แน่นอนว่าความสำเร็จที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะพวกเขาไม่เคยหยุดฝัน และที่สำคัญยิ่งกว่า คือพวกเขาต่างมุ่งมั่นทำฝันหรูๆ ของเขา ให้เป็นจริงขึ้นมา…

 

บทความโดย LEARNING HUB TEAM

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save