5 ยุทธวิธีพิชิตความเครียด

17 03 2017

มีคนสองประเภทบนโลกใบนี้ นั่นคือ คนที่เชื่อว่าทุกสิ่งเกิดจาก “ผลของการกระทำ” กับคนที่เชื่อว่าทุกสิ่ง “เป็นไปตามยถากรรม”

คนกลุ่มแรก เชื่อว่าลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต เส้นทางอาชีพ ความรัก ทุกสิ่งทุกอย่างเขาเป็นคนกำหนดขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่คนอีกประเภทเชื่อว่า ทุกชีวิตล้วนเป็นไปตามโชคชะตา จะประสบพบเจออะไร ล้วนมีบางสิ่งกำหนดไว้แล้ว พวกเขารอที่จะขึ้นรถเมล์ และมีชีวิตขึ้นลงตามที่รถเมล์จอดตามป้ายเท่านั้น แต่ในทางตรงข้าม คนกลุ่มแรกจะขับรถของตัวเองไปในที่ที่ตัวเองอยากไป ตามจุดหมายความฝันของตน!

จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยฟลอริด้า ระบุว่า “คนที่ชอบกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเอง มักจะมีผลงานโดดเด่นในหน้าที่การงาน มากกว่าคนที่ปล่อยให้ชีวิตเป็นไปตามโชคชะตา และคนที่ชอบกำหนดเส้นทางชีวิตตนเอง ย่อมมีความสามารถและผลงานที่โดดเด่นกว่าใครๆ”

คนที่ประสบความสำเร็จ นอกจากจะไม่ปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามโชคชะตาแล้ว เขายังมี “วิธีการรับมือกับความเครียด” และมี “วุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ดี” ด้วย โดยคนเหล่านี้ส่วนใหญ่สามารถรับแรงกดดันภายนอกจากเจ้านายได้เป็นอย่างดี ทั้งยังไม่เอาความเครียดมาคิดและทำร้ายตัวเอง ซึ่งมีผลเสียต่องานตามมา… โดยภาพรวมแล้ว พวกเขามีวิธี “พิชิตความเครียด” ดังต่อไปนี้…

 

1. พร้อมเผชิญหน้าความเปลี่ยนแปลง

 

ด้วยปัจจัยภายนอกรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ หรือสภาพการทำงาน “สิ่งแวดล้อมคือสิ่งที่คุณควบคุมไม่ได้” ไม่มีสิ่งไหนอยู่ตลอดกาล บริษัทของคุณอาจอยู่ในช่วงตกต่ำที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะตกต่ำไปตลอด

คุณควรมีแผนสำรอง เตรียมตัวเตรียมใจยอมรับกับความคาดหวังของตัวเอง หวังได้ แต่อย่าคาดหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามที่กำหนดไว้แต่แรก และไม่ต้องนำมาใส่ใจ หรือเครียดกับมัน ถ้ามีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น…

จงรับมืออย่างมีสติ โดยคุณสามารถทำลิสท์เป็นรายสัปดาห์ ว่าสิ่งสำคัญในชีวิตของคุณมีอะไรบ้าง และอันไหนมีแนวโน้มว่าจะเปลี่ยนไป และถ้าลิสท์ของคุณไม่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นย่อมทำให้คุณเครียดน้อยลง และไม่ต้องกังวลมากกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง…

 

2. ไม่พุ่งความสำคัญไปที่ข้อจำกัด จนไม่กล้าทำอะไร

 

เราทุกคนล้วนมีขีดจำกัดของตัวเอง มีความกลัว มีความกังวลที่โดนปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการสั่งห้ามทำโน่นทำนี่… ห้ามขี่จักรยานลงถนน เดี๋ยวรถชน… ห้ามเอาแก้วมาเล่น เดี๋ยวแตกบาดมือ… ข้อห้ามเหล่านั้นอาจฝังใจ ทำให้คุณเป็นคนไม่กล้า หรือกังวลมากเกินกว่าเหตุว่าจะเกิดเหตุร้ายๆ กับตัวเองหรือคนรัก

การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ คุณควรจดบันทึกเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจ ทำให้คุณกังวล และน่าจะเป็นความเครียดลึกๆ เช่น คุณเครียดว่าจะบอกเจ้านายเพื่อขอลาออกอย่างไรดีในวันพรุ่งนี้ และพอวันถัดไป หลังจากได้คุยกับเจ้านาย คุณกลับมาอ่านข้อความที่คุณจดนั้นอีกครั้ง คุณอาจรู้สึกดีและมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น รวมถึงรู้วิธีการบริหารความเครียดของตัวเอง ว่าไม่ควรคิดมากไปก่อนล่วงหน้า


3. ปรับเปลี่ยนทัศนคติ-ความคิด

 

นี่เป็นวิธีที่ยากที่สุด แต่วิธีเปลี่ยนทัศนคติความเครียดง่ายๆ คือการเขียนออกมาเป็นเหตุการณ์จำลอง อะไรทำให้คุณเครียด อะไรทำให้คุณเชื่อว่าสิ่งร้ายๆ จะเกิดขึ้น และถ้ามันเกิดขึ้นจริง คุณจะตอบสนองกับปัญหานั้นอย่างไร?

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกเครียด กังวลกับปัญหาเหล่านั้น ให้ดึงกระดาษแผ่นนี้ออกมา เพื่อที่ว่าคุณจะได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และมองว่าปัญหานั้นมีทางออก ไม่ควรกังวลไปก่อน คุณควรค่อยๆ เปลี่ยนความคิดโดยการจดสิ่งที่คุณรู้สึกลงในกระดาษ ณ ตอนนั้นด้วย ว่าคุณโล่งใจไปมากแค่ไหน…


4. หยุดมองโลกในแง่ร้าย


วิธีที่ดีที่สุดในการทำให้คุณ “หายเครียด” คือหยุดมองโลกแง่ร้าย และลดการคิดลบ เพราะความคิดเหล่านั้นทำให้คุณเครียดและกังวล บั่นทอนกำลังกายและกำลังใจของคุณโดยไม่รู้ตัว… เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดร้าย คิดลบ ให้คุณบอกตัวเองว่า “หยุดเดี๋ยวนี้” และจดมันออกมา ระบายมันออกมาเป็นตัวหนังสือ…

ขณะที่คุณจดมันลงไป คุณจะมีเวลาคิดทบทวนมากขึ้น รู้ทันตัวเองมากขึ้นว่าคุณกำลังคิด-กำลังทำอะไร? เมื่อไหร่ก็ตามที่คิดมากไปก่อน แล้วมันไม่ได้เกิดขึ้นจริง… สมองของคุณจะบันทึกไว้ว่า เราไม่ควรคิดมากอีก…

 

5. สนอกสนใจในเรื่องดีๆ

 

การให้เวลากับตัวเองในแต่ละวัน เพื่อคิดทบทวนเรื่องราวดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต จะช่วยให้คุณลดความกังวลไปได้มาก… จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า “คนที่ทำงานอย่างอารมณ์ดี มีสิ่งแวดล้อมดี และคิดแต่เรื่องดีๆ เรื่องที่เป็นพลังบวก จะมีความเครียดน้อยกว่าคนอื่นๆ”

 

การบริหารจัดการความเครียด ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปสำหรับคุณ… เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองคิด ก็เปลี่ยนวิถีชีวิตของคุณได้… ขอแค่มีสติรู้เท่าทันความคิดของตัวเอง ความเครียดก็จะไม่สามารถทำร้ายคุณได้อีกต่อไป…

 

เรียบเรียงโดย LEARNING HUB THAILAND

คำถามเปลี่ยนชีวิต ปรับทัศนคติให้เปี่ยมสุข

02 03 2017

คนที่มี “ความสงบสุขในชีวิต” ไม่ใช่เพราะพวกเขามีชีวิตที่ราบเรียบ หรือเจอะเจอแต่สิ่งดีๆ เท่านั้น แต่พวกเขามีชีวิตที่สุขสงบ เพราะสามารถปรับมุมมองให้เข้ากับทุกๆ สถานการณ์…

ไม่ว่าคุณจะมีอาชีพอะไร เป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นแม่บ้าน พนักงานประจำ หรือฟรีแลนซ์… แม้คุณจะมีลูกค้าประจำ มีรายได้ต่อเนื่อง มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี หรือมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างรัดกุม แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง บ่อยครั้งกลับไม่เป็นดังใจนึก!

และบางครั้ง ถึงแม้จะทำดีที่สุดแล้ว แต่เรากลับไม่อาจกำหนดโชคชะตาได้  ยังมีปัจจัยภายนอกอีกหลายอย่าง นอกเหนือความคาดหมาย ซึ่งอาจทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป… แต่คุณรู้หรือไม่? มีสิ่งหนึ่งที่คุณสามารถควบคุมได้ และปรับเปลี่ยนได้ในทุกสถานการณ์ นั่นคือ “มุมมอง-ทัศนคติ”

“การปรับเปลี่ยนความคิด พลิกมุมมอง” เป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณรับมือกับปัญหาต่างๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์เลวร้าย-ไม่คาดฝันต่างๆ ได้…

ในช่วงที่เจอวิกฤต มีปัญหารุมเร้า ดูเหมือนจะไม่มีทางออก… คุณอาจกำลังคิดว่า คุณไม่มีทางเลือกกับการรับมือปัญหาเหล่านั้น! แต่แท้จริงแล้ว คุณมีทางเลือกหลายอย่าง เพียงแต่คุณไม่รู้ตัว!!!

คุณเลือกได้ว่า จะอารมณ์เสีย จะโมโห หรือจะใช้สติแก้ปัญหา… คุณเลือกได้ว่า จะละทิ้งปัญหา ปล่อยให้มันเป็นไป หรือจะไม่ยอมแพ้ แล้วสู้ขาดใจ…  คุณเลือกได้ว่า คุณจะจบหรือไปต่อ… และคุณก็เลือกที่จะปรับมุมมอง-ความคิด เปลี่ยนวิกฤตหรือปัญหาครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบททดสอบของชีวิต…

การเปลี่ยนมุมมอง “ตกผลึกทางความคิดจากข้างใน” ทำให้คุณสามารถมีชัยเหนืออุปสรรคทั้งหลาย โดยเฉพาะปัญหาภายนอกที่คุณไม่สามารถควบคุมได้… และนี่คือ “4 คำถามหลัก” ที่จะช่วยให้คุณตระหนัก-รู้ทันอารมณ์ของตัวเอง และเป็นคำถามที่จะ “กระตุกต่อมความคิด ปรับเปลี่ยนมุมมองของคุณ”

1. คุณกำลังกังวลเกินไป หรือเปล่า?

“ความกังวล” ก็แค่ “กังวลล่วงหน้า” เป็นความจริงที่ยังไม่เกิด เป็นศัตรูตัวฉกาจคอยทำลายความสุขของคุณ ณ ปัจจุบัน…  เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มกังวล นอกจากจะทำให้คุณไม่มีความสุขกับชีวิตแล้ว ความกังวลยังทำให้คุณจินตนาการไปไกลในด้านลบ สร้างบรรยากาศแห่งความทุกข์ให้กับตนเองและคนรอบข้างที่อยู่ใกล้คุณด้วย… 

“ความสุขจากภายใน” ไม่ได้หมายความว่า คุณต้องนั่งเล่นรับลมทะเลอยู่ริมหาดทราย หรือนั่งตากแอร์เย็นๆ อยู่บนรถส่วนตัว เพราะไมว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่ หรือดีแค่ไหน… ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมาจากความคิดและทัศนคติที่อยู่ภายใน 

“ความสงบสุข หรือความสุขในชีวิต ล้วนอยู่ที่ตัวคุณ ไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอก” คุณสามารถเปิดเพลงเสียงดัง ร้องเพลงอย่างสนุกสนานระหว่างรถติดก็เป็นได้… “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องให้คุณค่ากับเวลา ณ ปัจจุบัน หรือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ มากกว่าเหตุการณ์อนาคตที่อาจไม่เกิดขึ้นจริง”

2. คุณกำลังคิดว่ามันแย่จนแก้ไม่ได้ หรือเปล่า?

อาวุธที่ทรงพลานุภาพในการทำลายความเครียด และการคิดลบ คือ “ความสามารถในการเลือกที่จะปรับมุมมองความคิด”

เมื่อไหร่ก็ตามที่ชีวิตเจอเรื่องแย่ๆ อย่าคิดว่า “มันแย่” แต่ให้คิดอีกด้าน คิดว่าเป็นโอกาส เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เป็นอีกหนึ่งบทเรียน… พยายามหลุดออกจากวนเวียนความคิดเดิมๆ กล้าคิดต่าง ถึงแม้ว่าบางครั้งอาจดูไม่มีเหตุผลก็ตาม!

ความรู้สึกสนุกกับเรื่องราวและปัญหาที่คุณกำลังเผชิญ… นอกจากทำให้ร่างกายคุณไม่เครียดแล้ว คุณอาจมองเห็นทางออกได้เร็วขึ้น… มีการวิจัยเกี่ยวกับ “การคิดบวก” ว่า นักเรียนที่มีทัศนคติที่ดีกับชีวิต สามารถทำข้อสอบได้ดีกว่าเพื่อนในรุ่นเดียวกัน หรือแม้แต่พนักงานขายที่มองโลกในแง่ดี ก็สามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 50% เมื่อเทียบกับพนักงานขายที่มองโลกในแง่ร้าย… 

3. คุณกำลังใช้วิธีการเดิมๆ แก้ปัญหา อยู่หรือเปล่า?

ทุกครั้งที่คุณเจอปัญหาเดิมๆ และกำลังแก้ไขปัญหาในแบบเดิมๆ ให้คุณหยุด และคิดอย่างจริงจัง ตัดสินใจใหม่อย่างรอบคอบ ว่าคุณจะกลับไปฉายหนังม้วนเดิมซ้ำ หรือจะเป็นผู้สร้างหนังเรื่องใหม่…

วิธีที่จะทำให้คุณมีสติและควบคุมอารมณ์ได้ดี คือการหายใจเข้า-ออกลึกๆ จะช่วยทำให้คุณฉุกคิด และไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล… ในสถานการณ์เลวร้าย ค่อยๆ คิด ถึงแม้จะดูไม่มีความหวัง หมดหนทาง  และดูเหมือนกำลังจะสูญเสียทุกอย่าง แต่จริงๆ แล้ว คุณกำลังศึกษาบทเรียนชีวิต ได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าที่หาที่ไหนไม่ได้ต่างหาก! 

ในชีวิตจริง ไม่มีใครดึงคุณให้จมดิ่งได้หรอก มีแต่ “ความคิดของคุณ” เท่านั้น ที่ทำร้ายคุณ… ความคิด จะกำหนดความเชื่อ… ความเชื่อ ส่งผลถึงพฤติกรรม… พฤติกรรม สะท้อนการดำเนินชีวิตและภาพรวมทั้งหมดของคุณ… ความคิดมีผลต่อการกระทำและบรรยากาศรอบตัวคุณ…

นี่คือเหตุผลสำคัญที่คุณควรจะคัดกรองและตกผลึกความคิด… คิดในสิ่งดีๆ เพื่อสรรสร้างชีวิตดีๆ ในแบบที่คุณต้องการ…  

4.  คุณกำลังยึดติดกับวิถีเดิมๆ หรือเปล่า?

 
เอาเข้าจริงแล้ว มีหลายอย่างในชีวิต ที่คุณสามารถปล่อยผ่าน หรือให้มันเป็นไป โดยไม่ก่อให้เกิดการสูญเสียตามมา… สถานการณ์บางอย่างจะทำให้คุณโตขึ้น ก้าวหน้าขึ้น ด้วยการไม่ยึดติดกับความคิด ผลลัพธ์ หรือการกระทำแบบเดิมๆ

บางทีการที่คุณยึดติดกับสิ่งเดิมๆ อาจสร้างความทุกข์ใจให้มากกว่า ถ้าคุณไม่ปล่อยให้เลยตามเลย บ่อยครั้งจะไม่สามารถก่อเกิดสิ่งใหม่ๆ หรือมีชีวิตที่ดีขึ้น… คุณควรต้องปล่อยวางอดีต ยอมตัดใจกับสิ่งเก่าๆ ที่คุณคุ้นชินลงบ้าง… 

คุณไม่สามารถเจอโลกใบใหม่ได้ ถ้าคุณไม่กล้าออกจากฝั่ง… กุญแจสำคัญของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ คือการให้อภัย… ให้อภัยตัวเอง ให้อภัยคนอื่น ปลดปล่อยเรื่องราวร้ายๆ ที่เคยเกิด หยุดจินตนาการถึงความเลวร้ายของเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้ว… “การให้อภัยด้วยใจเบิกบาน คือการบำบัดน้ำเสียในจิตใจของคุณ”

ถึงเวลาแล้วที่คุณควรหยุดคาดหวังกับคนรอบตัว กับปัจจัยต่างๆ ที่คุณไม่สามารถควบคุมได้ และแทนที่จะพยายามควบคุม คุณแค่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ “เริ่มจากภายในสู่ภายนอก” เพียงแค่นี้ คุณก็จะก้าวผ่านทุกอุปสรรค ในทุกๆ สถานการณ์ของชีวิตได้อย่างเป็นสุขครับ

บทความโดย LEARNING HUB THAILAND

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save