10 เคล็ดลับ ที่คนประสบความสำเร็จในชีวิตมักทำ ก่อนอายุ 30

reveals-10-secrets-to-success-in-life-usually-before-the-age-of-30-3

การประสบความสำเร็จในชีวิตจากเรื่องการงาน ไม่ได้มาพร้อมกับคำว่า เก่ง บวก เฮง เท่านั้น แต่การที่คนเราจะถึงจุดสูงสุดในชีวิต ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย พบเจอปัญหาต่างๆ ไม่ว่างเว้นแต่ละวัน หรือแม้แต่ที่จะต้องผ่านการทำงานหนัก การถูกโกง การดูถูกเหยียดหยามต่างๆ

โดยเฉพาะในช่วงอายุก่อน 30  เป็นวัยที่เริ่มทำงาน มีพลัง มีเวลา มีสุขภาพ มีความคิด และพร้อมที่จะลองผิดลองถูก ในการตั้งเข็มทิศชีวิตให้กับตัวเอง คนที่มีแนวความคิดที่ดี และลงมือปฎิบัติอย่างจริงจัง ทำให้สร้างโอกาสให้กับตัวเอง และพร้อมไปสู่จุดหมายได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ

1. รู้จักจัดการเรื่องเงิน

คุณต้องมีวินัยเรื่องการเงินอย่างจริงจัง  มันไม่ได้สำคัญว่าคุณมีรายได้เท่าไหร่ แต่มันสำคัญว่าคุณมีเงินเหลือเท่าไหร่ ในแต่ละเดือน  งานที่ดีไม่ใช่แค่สร้างความสุขในการทำงานเท่านั้น แต่ต้องทำให้คุณภาพชีวิตคุณดีด้วย การรู้จักออม ลงทุน และไม่ใช้จ่ายเกินตัว จะทำให้คุณมีรายได้ที่มั่นคง และไม่กระทบกับชีวิตด้านอื่นๆ

2. ล้มให้เร็ว ลุกให้เป็น

ทุกคนจะต้องเจอ จุดเปลี่ยนในชีวิต ที่ทำให้ตัวเองต้องสะดุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น การทำงานไม่ถึงเป้าหมาย จนถึงเรื่อง การจ้างออก ไม่ว่าคุณจะเจอปัญหาที่ทำให้คุณต้องล้มลุกคลุกคลานเพียงใด การที่ได้ล้มเร็ว จะทำให้คุณเรียนรู้ วิธีการแก้ไขปัญหา และมีภูมิต้านทานในชีวิตการทำงาน ที่สำคัญคือ จงจดจำข้อผิดพลาด และเรียนรู้จากบทเรียนที่คุณได้

3. เริ่มธุรกิจของตัวเอง

คนประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ ไม่ใช่พนักงานกินเงินเดือน แต่เป็นคนที่ตามความฝัน ทำให้สิ่งที่ชอบ และเริ่มธุรกิจของตัวเอง คุณอาจเริ่มต้นจากการเปลี่ยนงานอดิเรก มาเป็นรายได้  ไม่จำเป็นที่คุณต้อง ออกจากงานเพื่อมาทำตามความฝัน เพียงแค่คุณรู้จักแหล่งปั๊มเงินเพิ่ม อีกทางก็พอ

4. ชอบความท้าทาย

ออกจาก comfort zone ของตัวเอง และลองหาสื่งที่ท้าทาย ตื่นเต้นในชีวิต ใหม่ๆ  คุณอาจได้ไอเดีย ความคิดใหม่ๆ จากการทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ เป็นการเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเอง หลังจากเหนื่อยล้าจากชีวิตการทำงาน นอกจากนี้ มันยังเป็นการทดสอบศักยภาพในตัวคุณ กับการทำอะไรที่เหนือความคาดหมาย

5. เก่งเรื่องการจัดระเบียบชีวิต

นี่คือ กฏเหล็ก ที่คนประสบความสำเร็จในชีวิตมักมีข้อนี้ พวกเขารู้ดีว่า วันนี้ ต้องทำอะไร เสร็จก่อนหลัง พวกเขาให้ลำดับความสำคัญกับชีวิตเป็น และพวกเขาไม่ปล่อยชีวิตไหลไปเรื่อยๆ หรือทำงานๆไปเรื่อยๆ โดยไม่มีเป้าหมาย  คนที่ยุ่งอย่างมีสติ รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เพื่ออะไร คือคนที่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จสูง

6. มีคอนเนคชั่น

ยุคนี้คือ ยุคของคอนเนคชั่นอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศไทย หรือต่างประเทศ  ไม่ได้สำคัญว่าคุณทำอะไรเป็นเท่านั้น แต่สำคัญว่าคุณรู้จักใคร และใครรู้จักคุณด้วย การมีคอนเนคชั่นที่ดี จะเพิ่มโอกาสให้คุณต่อยอด ในสิ่งที่คุณกำลังทำได้ง่ายขึ้น ทำให้คุณก้าวไปสู่ความสำเร็จได้เร็ว และมั่นคงกว่าคนอื่น  โอกาสทางธุรกิจต่างๆจากเพื่อนเก่า  หรือแม้แต่จากเจ้านายเก่า อาจพลิกชิวิตคุณก็เป็นได้

7. มีความมุ่งมั่น แน่วแน่

ระหว่างการเดินทาง ทุกคนต้องประสบปัญหา และอุปสรรค  แต่คนที่ประสบความสำเร็จ มักไม่ย่อท้อ แต่เชื่อมั่น และศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ พวกเขาจะพยายามหาวิธีแก้ไขปัญหา เพื่อให้ไปถึงจุดหมายที่ตั้งเป้าไว้ ถึงแม้บางครั้งจะท้อ แต่ไม่เคยหมดหวัง และทำมันซ้ำเรื่อยๆจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

ยกตัวอย่างเช่น โทมัส อัลวา เอดิสัน ที่ทดลองสร้างหลอดไฟ เป็นหมื่นครั้งกว่าจะสำเร็จ ถ้าเขาล้มเลิกความตั้งใจในวันนั้น เราคงไม่มีไฟฟ้าใช้จนถึงทุกวันนี้

8. ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง

ในช่วงวัย 20-30 คือวัยแห่งอิสระ  วัยแห่งการเรียนรู้ชีวิต ถึงแม้จะจบจากการเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แต่คุณก็ยังต้องพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง  เป็นวัยที่คุณต้องค้นหาว่าตัวเองทำอะไรดี ทำอะไรถนัด พัฒนาจุดแข็ง และกลบจุดอ่อนในตัวเอง เพื่อที่จะหาเส้นทางชีวิตของตัวเอง และก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง และรวดเร็ว

9. วางแผนชีวิตเป็น

อนาคตเป็นสิ่งที่สร้างได้ และวางแผนได้  อย่าคิดว่าอนาคตอยู่ที่ชะตาชีวิต หรือฟ้าดินกำหนดเท่านั้น อย่าน้อยเนื้อต่ำใจกับต้นทุนชีวิตของคุณ อย่าเปรียบเทียบสิ่งที่คุณและเพื่อนคุณมี แต่จงเปรียบเทียบตัวเองในอดีตกับตอนนี้  คุณสามารถคิดต่างและสร้างอนาคตที่สดใส ด้วยการวางแผนชีวิตให้กับตัวเอง เริ่มจากซื่อสัตย์กับตัวเอง เขียนเป้าหมายและคนที่คุนอยากเป็น  พร้อมทั้งเขียนวิธีและขั้นตอน ปัจจัยต่างๆที่ทำให้คุณเป็นคนนั้น และเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้

10. ปรับตัวเก่ง

ไม่มีอะไรที่ดีตลอด และแย่ไปตลอด คนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่รู้จักการปรับตัว พวกเขาจะรู้ก่อนว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี หรือดี อย่างไร พวกเขาจะเตรียมรับมือ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์นั้นๆ ก่อนที่มันจะเกิด ทำให้พวกเขาสามารถอยู่รอด และประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะพบเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ไม่จำเป็นว่าคุณจะใช้เคล็ดลับทั้ง 10 ข้อนี้ก่อนอายุ 30 เท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จได้

แต่ที่จริงแล้วในทุกช่วงวัย ก็สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ ขอเพียงดำเนินชีวิตตามหลักการนี้ สิ่งที่สวยงามจากภายนอกที่เรามองเห็นจากคนที่ประสบความสำเร็จนั้น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในชีวิตของพวกเขาเท่านั้น  แนวความคิดที่ดี การไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค มีความเชื่อมั่น และศรัทธาในสิ่งที่ทำ คือแรงผลักดันที่ทำให้ก้าวผ่านทุกปัญหา และเป็นกุญแจสำคัญ ในการประสบความสำเร็จในชีวิต

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand

(ที่มา: http://www.lifehack.org/274987/11-things-successful-people-age-30)

ทักษะของผู้บริหารในยุค AEC

ในยุคที่ AEC กำลังจะมาถึง ซึ่งจะสร้างผลกระทบกับทุกธุรกิจในประเทศไทย อาจเป็นได้ทั้งโอกาสหรืออุปสรรค ขึ้นอยู่กับว่าธุรกิจนั้นจะสามารถคาดการณ์ ปรับปรุงพัฒนา และตอบสนองกับสถานการณ์ที่แปรผันได้มากแค่ไหน ดังนั้นผู้บริหารจำเป็นจะต้องขับเคลื่อนองค์กรอย่างเป็นพลวัตมากยิ่งขึ้น โดยปรับบทบาทตัวเองจาก “ผู้สั่งการ” ให้เป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” สาเหตุหลักที่องค์กรเปลี่ยนแปลงได้ช้าและพัฒนาได้ยาก แม้ว่าจะมีระบบที่ดีแล้วก็ตาม ก็เป็นเพราะปัจจัยที่ซับซ้อนที่สุด ที่เรียกว่า “คน” นั่นเอง

ด้วยปัจจุบัน มนุษย์นั้นมีความหลากหลายทั้งในแง่ของประสบการณ์ การศึกษา ทัศนคติ ความเชื่อ อีกทั้งความแตกต่างของรุ่นอายุหรือเจนเนอเรชั่น ทำให้ “การฟัง” ของพวกเขามีข้อจำกัดมากขึ้น การสื่อสารจึงเป็นไปได้ยากขึ้น ไม่เกิดความร่วมมือกันในการทำงาน และบางครั้งก็เกิดเป็นความขัดแย้งที่ไม่พึงปรารถนา ความแบ่งแยก ความไม่ไว้วางใจต่อกันนั้น ส่งผลต่อระบบการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่เป็นที่ต้องการและสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้บริหารในยุคนี้ จึงหนีไม่พ้น “ทักษะการบริหารคน”

ดังนั้นผู้บริหาร นอกจากจะมีทักษะในด้านการบริหารจัดการและเทคนิค (Hard Skill) ที่ดีแล้ว จึงต้องมีทักษะในด้านการบริหารคน (Soft Skill) ที่เป็นเลิศอีกด้วย ทักษะของผู้นำยุคใหม่ ต้องสามารถรับรู้และตอบสนองต่อโลก 3 ระดับของผู้คน และมีทักษะในการบริหารคนใน 3 ระดับนั้น ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันได้แก่

1. Concrete World: โลกแห่งผลลัพธ์

โลกแห่งผลลัพธ์ เป็นโลกภายนอกทางกายภาพ ที่มีตัวเลข ตัวชี้วัด วัดค่าและประเมินผลได้ เป็นโลกที่หลายคนคุ้นเคย แต่กระนั้นบางคนก็มีปัญหากับการทำงานในโลกที่เต็มไปด้วยความคาดหวังผลลัพธ์แบบนี้ การแก้ไขปัญหาให้คนเหล่านั้น คงไม่ได้แก้ง่ายๆเพียงอบรมให้ความรู้ หรือให้ออกจากงานไป

ผู้บริหารยุคใหม่ควรมีทักษะเพื่อทำให้ผู้คน มีแรงบันดาลใจ มุ่งมั่นที่พัฒนาตนเอง สามารถสร้างเป้าหมายที่ท้าทายในชีวิต มีผลลัพธ์ในการทำงาน ตระหนักถึงข้อจำกัดที่ตนเองมี และมองเห็นวิธีการใหม่ๆที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดนั้นด้วยตนเอง เพื่อจะสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป ซึ่งทักษะที่สำคัญในส่วนนี้คือ Brain Based Coaching ซึ่งจะประกอบไปด้วย “ทักษะการฟังและการตั้งคำถาม” เพื่อให้ผู้คนบรรลุเป้าหมายและมุ่งสู่ความสำเร็จที่เขาต้องการได้นั่นเอง

2. Dream Land: โลกแห่งจิตใต้สำนึก

โลกแห่งจิตใต้สำนึก เป็นโลกภายใน ประกอบไปด้วย อารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการ ซึ่งอยู่ภายในจิตใจลึกๆ บางครั้งกล่าวเป็นคำพูดไม่ได้ หรือไม่อาจเปิดเผยให้ใครรู้ได้ง่ายๆ ด้วยคนเรานั้นไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ย่อมมีความแหว่งเว้าและขาดแคลนในฐานของอารมณ์อยู่บางส่วน ทำให้บางครั้งเกิดทัศนคติในแง่ลบ มีปมความขัดแย้งในใจ รู้สึกไม่เติมเต็ม หรือกระทั่งควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ย่อมส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานของคนๆนั้น และส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้างเป็นอย่างมาก

ผู้บริหารยุคใหม่จะไม่ละเลยและเห็นความสำคัญของปัญหาในระดับนี้ สามารถเข้าใจและมีหลักในการวิเคราะห์พฤติกรรมความต้องการ และตอบสนองความต้องการเหล่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติและทรงประสิทธิผลตามหลักการบริหารยุคใหม่ ซึ่งทักษะที่สำคัญในส่วนนี้คือ NLP (Nuero Linguistic Program) เป็นการใช้ “ทักษะภาษาเพื่อการโปรแกรมสมอง” ให้ผู้คนเกิดการเปลี่ยนแปลงจากอารมณ์ภายใน จากจิตใต้สำนึก ส่งผลเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่ๆตามที่เขาต้องการนั่นเอง

3. The Essene: โลกแห่งคุณค่าและเจตนารมณ์

ในโลกเบื้องลึกที่สุดแห่งจิตใจของแต่ละคน ประกอบไปด้วยชุดความเชื่อ ความศรัทธา ทัศนคติ การยึดถือคุณค่า และความหมายในการมีชีวิตอยู่ของตน แม้ว่าเราจะอาศัยอยู่ท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายของผู้คน ซึ่งมีทั้งความวุ่นวายและสับสน แต่ในทุกความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะจะเล็กหรือใหญ่เพียงใดก็ตาม หากสืบค้นลงไปแล้ว ก็จะพบว่าในเบื้องลึกที่สุด ในหัวใจของมนุษย์ทุกคนนั้น ล้วนมี “คุณธรรม ความรัก ความเมตตา” ไม่แตกต่างกัน

ด้วยการศึกษาศาสตร์ทางจิตใจ คำสอนทางศาสนา การปฏิบัติสมาธิภาวนา หรือการพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง หากเราสามารถฝึกฝนจน “มองเห็น เข้าใจ ยอมรับ และรักตนเอง” ได้อย่างไม่มีเงื่อนไขได้แล้ว เราจะสามารถรับรู้โลกภายในของผู้อื่นได้ จะสามารถฟังได้ลึกลงไปกว่าแค่คำพูด มองได้ลึกไปกว่าแค่การกระทำหรือพฤติกรรม จะสามารถรับรู้เจตนารมณ์หรือคุณค่าที่เขายึดถือได้ เมื่อนั้นเราจะสามารถ “เข้าถึง” ตัวตนของผู้คนรอบตัว และสื่อสารกับพวกเขาได้อย่างแท้จริง
……………………

บทสรุป

ในฐานะผู้นำยุคใหม่ หากเราต้องการเป็นผู้นำที่ครองใจคน ย่อมจะต้องสามารถสื่อสาร “คุณค่าของคนที่เราเป็น” ได้อย่างทรงพลังและมีประสิทธิภาพ ใช้ทักษะภาวะผู้นำที่มีการตัดสินใจตามเป้าหมาย โดยที่ไม่ละเลยในคุณค่าหรือความต้องการของผู้อื่น
สามารถสร้างภาวะแห่งความสมดุลของสถานการณ์ โดยมีการประยุกต์กระบวนการทางจิตวิทยาพฤติกรรม ศาสตร์ทางสมอง และกระบวนการใช้ภาษาเพื่อโปรแกรมจิต เพื่อการโน้มน้าวและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน จนเกิดนำไปสู่การลงมือทำด้วยพันธะสัญญา (Commitment) สู่ความสำเร็จด้วยตัวของเขาเอง และทำให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกต่อองค์กรได้อย่างยั่งยืน


บทความโดย “เรือรบ”

เครดิต เนื้อหาจากหลักสูตร “The Magic Leadership Skills” จิตวิทยาผู้นำด้วยศาสตร์ NLP และ Brain Based Coaching

อบรมโดย ดร.ขวัญนภา ชูแสง

หลักสูตรอบรมสำหรับบุคคลทั่วไป เริ่ม 4-5 ก.ค.นี้ คลิกที่นี่

รายละเอียดหลักสูตรการอบรมสำหรับองค์กร คลิกที่นี่

 

 

ประโยชน์องค์รวม 4 มิติ ของโยคะแห่งสติ

The fourth dimension of yoga

ปัจจุบัน การฝึกโยคะส่วนใหญ่ของผู้คนในสังคมไทย มักเน้นไปที่ประโยชน์ในมิติด้านร่างกายเป็นสำคัญ ด้วยจุดประสงค์เพียงเพื่อการออกกำลัง’กาย’ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย และรูปร่าง จึงได้รับประโยชน์เพียงส่วนเดียวของโยคะ

 

หากความจริงแล้ว โยคะที่แท้ ตามวิถีดั้งเดิมของอินเดีย คือ การรวมของกายและจิต

ซึ่งหากฝึกควบคู่ไปกับการเจริญสติแล้ว จะเอื้อประโยชน์ในมิติอื่นๆที่มากมายอย่างเป็นองค์รวม ทำให้ศาสตร์โยคะเกิดการแพร่หลายจากโลกตะวันออกสู่โลกตะวันตก

 

นอกเหนือจากประโยชน์ในมิติด้านร่างกายแล้ว โยคะแห่งสติยังเอื้อประโยชน์ทั้งมิติด้านจิตใจ สมอง และจิตวิญญาณ ตามรายละเอียดต่างๆ ดังนี้

 

  • มิติด้านร่างกาย

 

แพทย์องค์รวมชาวอินเดีย ผู้เป็นปรมาจารย์ ของโยคะชื่อดังระดับโลก จากสถาบัน International Sivananda Yoga Vedanta พบว่า การฝึกโยคะอาสนะ มิได้เน้นประโยชน์เพียงหุ่นรูปร่างภายนอก แต่เอื้อประโยชน์ต่างๆต่อระบบการทำงานภายในของร่างกาย เช่น ระบบการทำงานของหัวใจ ระบบหายใจ ระบบย่อยอาหารและขับถ่าย และระบบสืบพันธุ์ เป็นต้น และยังเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ได้มีนำโยคะมาใช้เพื่อบำบัดโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน และหัวใจ

 

  • มิติด้านจิตใจ

 

จากบทความงานวิจัยของ Oxford University และ New Hampshire Psychiatric Hospital  พบว่า การฝึกโยคะสามารถบำบัดอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า โกรธ และอ่อนล้าได้

โยคะแห่งสติสร้างการตระหนักรู้เท่าทันอารมณ์ที่ส่งสัญญาณบ่งบอกชัดเจนผ่านความรู้สึกทางกาย เป็นพื้นฐานสำคัญในการบริหารอารมณ์ และสร้างเสริมความฉลาดทางอารมณ์ ดังที่กูรู Daniel Goleman ได้แนะนำ และมีการนำไปใช้ในองค์กรต่างๆอย่างแพร่หลาย ทั้งในแวดวงองค์กรสุขภาพและธุรกิจ

 

 

  • มิติด้านสมอง

 

จากการศึกษาของ Harvard University และ University of Massachusetts Medical School พบว่า การฝึกโยคะส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงาน ของระบบประสาทและสมอง โดยหากฝึกโยคะพร้อมเจริญสติฝึกสมาธิ อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาของสมองที่เกี่ยวข้องกับความจำ ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการจดจ่อให้งานสำเร็จ และการพิจารณาตัดสินใจเรื่องต่างๆ รวมถึงเป็นการลดความเครียดได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ การฝึกปราณ หรือฝึกลมหายใจ ยังส่งผลโดยตรงต่อสมองอีกด้วย

 

  • มิติด้านจิตวิญญาณ

 

แก่นแท้ของโยคะ คือ การฝึกฝนกาย จิต สติปัญญา เพื่อมุ่งสู่การตื่นรู้ต่อความจริงอันสูงสุด เห็นการเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปของสภาวะร่างกาย จิตใจและความคิด ช่วยให้เกิดความตระหนักรู้และเข้าใจชีวิตของตนเองและผู้อื่น มีความสุขสงบและสมดุลทำให้เกิดความรู้สึกมั่นคงภายใน ยอมรับและความเชื่อมั่นในศักยภาพอันสูงสุดของมนุษย์  รวมถึงยังก่อให้เกิดความเมตตากรุณาต่อตนเองและผู้อื่น

และที่สำคัญ คือ มีอุเบกขา หรือ การปล่อยวางทั้งสุขและทุกข์ได้ เพื่อรักษาความสงบและสมดุลนั่นเอง

 

ทั้งนี้ แต่ละท่าของโยคะอาสนะต่างให้ประโยชน์ที่ต่างกันออกไป เช่น ท่านั่งก้มตัว ช่วยระบบย่อยและขับถ่าย ในขณะที่ท่าสะพาน ช่วยลดอาการซึมเศร้า การฝึกปราณแบบกบาลภัทติ ช่วยให้สมองตื่นตัว เป็นต้น จึงมีความจำเป็นที่ผู้ฝึกควรศึกษาและเข้าใจถึงประโยชน์ที่เหมาะสมกับสภาวะร่างกายและจิตใจ รวมถึงวัตถุประสงค์ก่อนการฝึก

 

แล้วคุณล่ะ คิดว่า การฝึกโยคะเอื้อประโยชน์ต่อคุณในด้านใด?

 

เขียนและเรียบเรียงโดย “นิรามิสสุข”

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save