เคล็ดลับเปลี่ยนทุกเป้าหมายในชีวิต ให้กลายเป็นจริง
“ปัญหาของการไม่มีเป้าหมายชีวิต เปรียบได้กับการที่คุณสามารถใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับการวิ่งขึ้นวิ่งลงไปทั่วสนาม และทำคะแนนไม่ได้แม้แต่แต้มเดียว” – บิลล์ โคปแลนด์
คุณเคยรู้สึกไหมว่า ตัวเองทำงานหนักมากแต่กลับย่ำอยู่กับที่? บางครั้งคุณพบว่า ตัวเองมีพัฒนาการขึ้นเล็กน้อยในทักษะฝีมือ หรือในด้านความสำเร็จเมื่อเทียบกับตัวเองเมื่อห้าหรือสิบปีก่อน หรือบางที คุณต้องดิ้นรนเพื่อให้รู้สึกว่า สามารถตอบสนองความทะเยอทะยานภายในตัวเองได้
ผู้คนจำนวนมากใช้ชีวิตไปกับการทำงานหนึ่งไปสู่อีกงานหนึ่ง หรือวิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อทำอะไรให้สำเร็จมากขึ้น แต่กลับมีสิ่งที่ทำสำเร็จจริง ๆ ได้เล็กน้อยเท่านั้น
การตั้ง “เป้าหมายที่ชาญฉลาด” หรือ SMART Goals หมายความว่า คุณสามารถเข้าใจความคิดของตัวเองได้อย่างชัดเจน โฟกัสไปที่ความพยายาม ใช้เวลาและทรัพยากรที่ตัวเองมีอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงเพิ่มโอกาสของความสำเร็จในชีวิต
บทความของเราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ SMART Goals ว่าคืออะไร? และคุณสามารถใช้มันเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของตัวเองได้อย่างไร?
SMART หมายถึงอะไร?
SMART คืออักษรย่อที่คุณสามารถใช้เป็นแนวทางการตั้งเป้าหมายได้
หลักเกณฑ์ทั่วไปนำมาจากแนวคิด ‘หลักการบริหารจัดการของปีเตอร์ ดรักเกอร์’ ซึ่งเป็นที่รู้จักครั้งแรกในนิตยสาร Management Review ฉบับเดือนพฤศจิกายน ปี 1981 โดย จอร์จ ที. โดแรน จากนั้น ศาสตราจารย์โรเบิร์ต เอส. รูบิน (มหาวิทยาลัยเซนต์หลุยส์) ได้เขียนเกี่ยวกับ SMART ในบทความสำหรับสมาคมจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์กร เขาเริ่มใช้คำว่า SMART เพื่อนิยามถึงสิ่งที่แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล…
เพื่อให้มั่นใจว่าเป้าหมายของคุณชัดเจนและสัมผัสได้ แต่ละเป้าหมายควรจะเป็นดังนี้
SPECIFIC – มีความเฉพาะเจาะจง เรียบง่าย สมเหตุสมผล เป็นเป้าหมายที่สำคัญ
MEASURABLE – วัดผลได้ มีความหมาย มีแรงจูงใจ
ACHIEVABLE – ลงมือทำได้จริง สามารถทำได้สำเร็จ
RELEVANT – มีความเกี่ยวเนื่องกัน มีเหตุผล มีทรัพยากร ตั้งอยู่บนฐานผลลัพธ์ที่เป็นไปได้
TIME BOUND – กำหนดเวลาได้
อย่างไรก็ตาม นักคิดบางคนได้ขยายแนวคิดนี้เพื่อโฟกัสด้านอื่นเพิ่มเติม เช่น SMARTER โดยรวมเอาการประเมินผล (EVALUATED) และการทบทวน (REVIEWED) เข้าไปด้วย
วิธีการใช้แนวคิด SMART
นักธุรกิจชื่อ พอล เจ. เมเยอร์ นักเขียนและผู้ค้นพบแนวคิด ‘แรงจูงใจในความสำเร็จระดับสากล’ ซึ่งอธิบายลักษณะเฉพาะของ SMART Goals ในหนังสือของเขา ชื่อว่า “Attitude Is Everything: If You Want to Succeed Above and Beyond.” ไว้ดังนี้…
1. มีความเฉพาะเจาะจง (Specific)
เป้าหมายของคุณควรชัดเจนและมีความเฉพาะเจาะจง มิฉะนั้นแล้ว คุณจะไม่สามารถรวบรวมความตั้งใจ หรือรู้สึกถึงแรงจูงใจที่แท้จริงในการประสบความสำเร็จได้ เมื่อทำการร่างเป้าหมาย จึงควรตอบคำถาม 5 W นี้ให้ได้
- WHAT – คุณต้องการประสบความสำเร็จเรื่อง อะไร?
- WHY – ทำไม เป้าหมายนี้จึงมีความสำคัญ?
- WHO – ใคร มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง?
- WHERE – สถานที่ในการดำเนินการตั้งอยู่ ที่ไหน?
- WHICH – ทรัพยากรหรือข้อจำกัด อะไรที่เกี่ยวข้อง?
ตัวอย่าง
ลองจินตนาการว่า คุณทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การตลาด และต้องการขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่าย เป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงอาจเป็น “ฉันต้องการทักษะและประสบการณ์ที่จำเป็นในการเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดในองค์กร เพราะฉะนั้น ฉันต้องสร้างหน้าที่การงานและทีมที่ประสบความสำเร็จ”
2. วัดผลได้ (Measurable)
การมีเป้าหมายที่วัดผลได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะสามารถติดตามความคืบหน้าและยังคงมีแรงจูงใจต่อไปได้ การประเมินความคืบหน้าจะช่วยให้คุณสามารถโฟกัสที่เป้าหมาย เผชิญกับกำหนดเวลา รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้าใกล้ความสำเร็จ
เป้าหมายที่วัดผลได้อาจเริ่มจากคำถามเหล่านี้…
- มีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
- มีปริมาณมากแค่ไหน?
- จะรู้ได้อย่างไรว่าประสบความสำเร็จ?
ตัวอย่าง
คุณอาจวัดเป้าหมายในการได้รับทักษะสำหรับการเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาด จากการเข้าร่วมการอบรมที่จำเป็นจนเสร็จสิ้น หรือได้รับประสบการณ์จากงานที่เกี่ยวข้องเป็นเวลาห้าปี
3. ลงมือทำได้จริง (Achievable)
เป้าหมายของคุณต้องมีความสมจริง สามารถทำให้สำเร็จได้ หรืออีกนัยหนึ่ง เป้าหมายควรท้าทายความสามารถของคุณ แต่ก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้.. เมื่อคุณตั้งเป้าหมาย คุณอาจมองไปถึงโอกาส หรือทรัพยากรที่ต้องใช้เพื่อทำให้คุณเข้าใกล้ความสำเร็จในอนาคต
เป้าหมายที่ลงมือทำได้จริงมักจะเริ่มด้วยคำถาม เช่น
– ฉันจะทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จได้อย่างไร?
– เป้าหมายนี้ตั้งบนฐานความเป็นจริงมากแค่ไหน เช่น ดูจากปัจจัยทางการเงิน เป็นต้น
ตัวอย่าง
คุณอาจต้องถามตัวเองว่า การพัฒนาทักษะที่จำเป็นเพื่อเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดนั้น อยู่บนพื้นฐานความจริงหรือไม่ อาจมองจากคุณสมบัติ หรือประสบการณ์เดิมที่คุณมี เช่น
– คุณมีเวลามากพอจะเข้าอบรมจนเสร็จสิ้นไหม?
– มีทรัพยากรที่จำเป็นหรือไม่?
– คุณสามารถที่จะทำมันได้หรือไม่?
4.มีความเกี่ยวเนื่องกัน (Relevant)
สำหรับขั้นตอนนี้ เป็นการทำให้แน่ใจว่า เป้าหมายนั้นเหมาะสมกับคุณและมีความเกี่ยวเนื่องกับเป้าหมายอื่น ๆ ด้วย… อันเนื่องมาจากพวกเราทุกคนต่างต้องการการสนับสนุน ต้องการความช่วยเหลือในการทำเป้าหมายให้สำเร็จ แต่ก็ต้องสามารถควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ได้
ดังนั้น ต้องแน่ใจว่าแผนของคุณจะผลักดันคนอื่น ๆ ไปข้างหน้า และคุณก็ต้องรับผิดชอบความสำเร็จของเป้าหมายของตัวเองด้วยเช่นกัน…
การหาว่าเป้าหมายนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกันหรือไม่ คุณต้องตอบ “ใช่” จากคำถามต่อไปนี้…
- มันดูคุ้มค่าหรือไม่?
- ถูกช่วงเวลาแล้วใช่ไหม?
- มันตรงกับความต้องการอื่น ๆ หรือไม่?
- ฉันคือคนที่จะก้าวไปถึงเป้าหมายนี้ใช่ไหม?
- เป้าหมายนี้สามารถเป็นไปได้ในสภาพเศรษฐกิจหรือสังคมปัจจุบันหรือไม่?
ตัวอย่าง
คุณอาจต้องการเพิ่มพูนทักษะเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการตลาดในองค์กรของคุณ แต่นี่คือเวลาสำหรับการเข้าร่วมอบรมหรือยัง? หรือจะเลือกเพิ่มเติมคุณสมบัติที่จำเป็นก่อน? คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่า ตัวเองเหมาะกับบทบาทหัวหน้าฝ่ายการตลาด? คุณพิจารณาเป้าหมายของคู่สมรสบ้างหรือไม่?
5. ผูกพันกับเวลา (Time-bound)
ทุก ๆ เป้าหมายต้องการกำหนดเวลา ดังนั้น คุณต้องตั้งเส้นตายในการทำเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองโฟกัสในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้ก้าวหน้า หัวข้อนี้ของ SMART Goals จะช่วยให้สามารถจัดลำดับความสำคัญสำหรับเป้าหมายระยะยาวได้
การกำหนดเวลามักถามด้วยคำถามเหล่านี้…
- เมื่อไหร่?
- ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง ในหกเดือนต่อจากนี้?
- ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง ในหกสัปดาห์ต่อจากนี้?
- ฉันสามารถทำอะไรได้บ้าง ในวันนี้?
ตัวอย่าง
การเพิ่มพูนทักษะสำหรับเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดอาจต้องการการฝึกฝนหรือประสบการณ์ ตามที่เรากล่าวไปก่อนหน้านี้ คุณต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการเรียนรู้ทักษะเหล่านั้น?
หากคุณต้องการเข้าอบรม คุณก็ต้องทดสอบว่าตัวเองมีคุณสมบัติหรือไม่ มันเป็นสิ่งสำคัญที่คุณต้องให้กรอบเวลาตามความเป็นจริงสำหรับทำเป้าหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้สำเร็จ เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จในเป้าหมายใหญ่ ๆ ต่อไป
ข้อดีและข้อเสีย
SMART นั้นมีประสิทธิภาพในการทำให้คุณมองเห็นเป้าหมายต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน สามารถโฟกัสกับจุดมุ่งหมายและมีแรงจูงใจเพื่อทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จได้
นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความสามารถ เพิ่มแรงใจในการกำหนดวัตถุประสงค์ต่าง ๆ และกำหนดวันที่ต้องการให้สำเร็จอีกด้วย… ทุกคนสามารถนำหลัก SMART Goals ไปปฏิบัติตามได้ง่ายในทุกที่ โดยไม่ต้องการเครื่องมือพิเศษ หรือการฝึกฝนใด ๆ มาก่อน
แต่การตีความได้หลากหลายของ SMART อาจทำให้สูญเสียประสิทธิภาพ หรือเกิดการเข้าใจผิดในความหมายที่แท้จริงได้ อีกทั้งบางคนก็มีความเชื่อว่า SMART ไม่เหมาะกับเป้าหมายระยะยาว เพราะขาดความยืดหยุ่นและความคิดสร้างสรรค์
เคล็ดลับ
SMART เป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการวางแผน หรือการตั้งเป้าหมาย ในขณะที่มีการตีความเรื่องอักษรย่อที่หลากหลาย ทั้งความเฉพาะเจาะจง การวัดผลได้ ทำให้สำเร็จได้ มีความเกี่ยวเนื่องกัน และเรื่องความผูกพันกับเวลา
เมื่อคุณใช้แนวคิด SMART คุณสามารถสร้างเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถทำได้จริง และมีความหมายขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาแรงจูงใจ แนวทางปฏิบัติ และการสนับสนุนที่ต้องการเพื่อทำให้สำเร็จได้
การประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน
บางครั้งคุณอาจฝันบ่อย ๆ ว่าอยากไปเที่ยวรอบโลก แต่กลับไม่เคยเกิดขึ้นจริง คุณอาจบอกตัวเองว่า เป็นเพราะคุณไม่มีเวลา หรือเงิน และบางทีอาจผลัดไปเป็นปีหน้า
ลองตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goals เพื่อช่วยให้เป้าหมายการท่องเที่ยวของคุณมีความเจาะจงมากขึ้น สามารถวัดผลได้ ทำได้จริง มีความเกี่ยวเนื่องกับเป้าหมายอื่น ๆ และผูกพันกับกำหนดเวลา
คุณอาจพบเหตุผลที่แท้จริง ว่าทำไมคุณถึงไม่เคยได้ออกเดินทาง… นั่นอาจเพราะแผนการของคุณไม่ชัดเจน หรือเกินจริงมากไป ลองปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ให้เข้ากับแนวคิด SMART Goals และนี่คือ ตัวช่วยที่จะทำให้ความฝันของคุณเป็นจริง…
เรียบเรียงโดย LEARNING HUB THAILAND
เรายินดีออกแบบหลักสูตรเฉพาะ เพื่อพัฒนาคนในองค์กรของคุณ ปรีกษาเราได้ที่ Line @lhtraining
Recent Posts
- 3 กติกาง่าย ๆ ที่ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขในการประชุม
- 5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคนเบื่องาน ทะยานสู่ TOP 5 ในออฟฟิศ
- 5 เคล็ดลับ เปลี่ยนวันจันทร์ ให้เป็นวันสุข
- 5 วิธีสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเจ้าอารมณ์
- 7 ขั้นตอนทำงานร่วมกับเจ้านายดุให้มีประสิทธิภาพและมีความสุข
- วิธีทำชีวิตช้าลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
- 5 เทคนิครับมือกับเพื่อนร่วมงานเจ้าปัญหา
- 7 เทคนิค เลือกลูกน้องอย่างไรไม่ให้เปลี่ยนงานบ่อย
- 4 ขั้นตอน ลดความขัดแย้งภายในทีม
- 8 วิธีสร้างความน่าเชื่อถือในที่ทำงาน