3 ขั้นตอน ปลดล็อคข้อจำกัด ในตัวคุณ

“ก็มึงมันโชคดี!!”

รู้ไหมครับว่า… สำหรับคนทั่วไป “ความโชคดี” คือ เคล็ดลับความของความสำเร็จ! ในเดือน พฤศจิกายน 1987 รูเบ็น กอนซาเลซ และพาโบล การ์เซีย ได้เปลี่ยนตัวเองจาก นักแข่งเลื่อนไร้ชื่อเสียง เป็นนักแข่งเลื่อน ลำดับที่ 14 ของโลก!!

นักแข่งเลื่อนคนอื่นๆ ต่างบอกว่า… ก็พวกมึงมันโชคดีนี่!!

แต่ความจริงแล้ว “ความโชคดี” คือเคล็ดลับของความสำเร็จของทั้งคู่จริงรึเปล่า?

โอกาสซ่อนอยู่รอบๆ ตัวเสมอ

ในเดือนพฤศจิกายน 1987 หลังจากที่ รูเบ็นได้เตรียมตัวฝึกซ้อมเพื่อเตรียมลงแข่งเลื่อน

เขาได้เดินทางมาถึงสนามแข่งซึ่งมีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาร่วมรายการนี้ ท่ามกลางผู้เข้าแข่งขันมากมาย
และโอกาสอันริบหรี่ รูเบ็นได้พบโอกาส ที่คนอื่นมองไม่เห็น!!

นั้นก็คือ…. ในการแข่งเลื่อนประเภทคู่นั้น มีผู้ร่วมแข่งขันเพียง 3 คันเท่านั้น!

จะคว้าโอกาสอาจมีอุปสรรค และอุปสรรคนี่แหละ ที่สร้างโอกาส! แต่การแข่งเลื่อนประเภทคู่นั้น เป็นการแข่งที่โหดมาก

เพราะผู้แข่งขัน จะต้องยืนอยู่บนเลื่อนคันเดียวกัน คนข้างหน้าจะสามารถมองเห็นได้ เพียงคนเดียว ในขณะที่คนข้างหลังจะมองไม่เห็น แต่ต้องควบคุมทิศทาง

หากไม่ได้ผ่านการซ้อมกันมาอย่างยาวนาน และผู้ร่วมแข่งขัน ไม่ได้เข้าขากันเป็นอย่างดี อาจมีบาดเจ็บ หรือถึงขั้นสาหัสได้เลยทีเดียว!

ใครๆ รู้แบบนี้ ต่างก็ไม่กล้าเข้าร่วมแข่ง แต่รูเบ็นกลับคิดต่าง และไปชวน พาโบล เพื่อนสนิทของเขาเข้าร่วมแข่งในประเภทคู่

รูเบ็น พูดสั้นๆ ว่า…

“นี่คือโอกาสของเรา ที่จะได้เหรียญ World Cup”

พาโบล ตัดสินใจ ลงแข่งกับรูเบ็น แต่เขาต้องไปขออนุญาตโค้ชเสียก่อน และต้องมีเลื่อนที่จะใช้ลงแข่งประเภทคู่ด้วย!

โค้ชของเขา อนุญาตให้เขาลงแข่งได้ แต่ความท้าทายสำคัญ ก็คือ “เขาไม่มีเลื่อน สำหรับลงแข่ง”

การแข่งครั้งนั้น จัดขึ้นที่ เมืองเซนต์ มอริตซ์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งผู้คนในเมืองนี้ ไม่ได้ใช้เลื่อนแบบที่ต้องใช้แข่งกันเลย

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น คนที่นี่ พูดคุยกันด้วยภาษาเยอรมัน  ซึ่งทั้งรูเบน และพาโบล พูดเยอรมันไม่เป็น.. ทั้งคู่!!!

มีแต่ความคิดเท่านั้นแหละ ที่เป็นข้อจำกัดของชีวิต

แม้จะดูมืดมน และไร้หนทาง แต่รูเบ็นก็ไม่ยอมแพ้ เขา และพาโบล ตระเวนเคาะประตูบ้านของคนระแวกนั้น

เขาพูดคำว่า “คุณมีเลื่อนคู่สำหรับการแข่งเวิร์ดคัพไหม?” เป็นภาษาเยอรมันได้แบบตะกุกตะกัก และนั้นเป็นประโยคเดียวที่เขาพูดได้

เขาต้องเจอคำปฎิเสธ และบางคนก็ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เขาพูดด้วยซ้ำ!!

เป็นเวลา 2 วัน กว่าที่พวกเขา จะพบชายคนหนึ่ง ซึ่งมีเลื่อนเก่าอายุ 20 ปี ที่เต็มไปด้วยสนิม ในโรงเก็บของ

พวกเขายืมเลื่อนมาจากชายคนนั้น และใช้เวลาอีก 2 วัน ในการทำให้มันพร้อมสำหรับการแข่ง

พอถึงวันแข่ง…

นักแข่งคนอื่นๆ พากันมาดู รูเบ็น และพาโบล เอาชีวิตไปเสี่ยงในการแข่งประเภทคู่

พวกเขาชนลู่ เกือบตลอดระยะทางการแข่งขัน และเข้าเส้นชัยไปแบบทุลักทุเลและลงเอยที่อันดับ 4 ของการแข่ง!

แต่ผลจากการแข่งในครั้งนั้น ทำให้พวกเขาติดอันดับ 14 ของโลก ในการแข่งเลื่อนประเภทคู่ หลังจบฤดูการแข่งขัน

ผู้คนบอกว่า พวกเขาโชคดี ที่ตัดสินใจร่วมการแข่งขัน พวกเขาโชคดี ที่มีชีวิตรอด และได้ติดอันดับ 14 ของโลก

แต่ความจริงคือ… มันไม่ได้เกี่ยวกับโชคเลย!!

รูเบ็นบอกว่า…

“เราเพียงแค่เห็นโอกาส และเราก็ตัดสินใจลงมือทำ”
“เราสร้างโชคขึ้นมา!!”

พวกเขาแค่มุ่งมั่นไปยังสิ่งที่เขาฝัน เชื่อมั่น และไม่ปล่อยให้ความคิด มาจำกัดชีวิตของเขา

ถ้าคุณเองก็มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีความคิดที่จำกัดชีวิตอยู่ล่ะก็ นี่คือวิธีการ ที่คุณจะเป็นอิสระจากมัน!!

3 ขั้นตอน ปลดล็อคความคิด

 1 .ความคิดไหนที่จำกัดชีวิตคุณ?

คุณจะปลดล็อคความคิดของคุณไม่ได้หรอกครับ ถ้าคุณยังไม่ตระหนักเลยว่า ความคิดไหน มันฉุดรั้งคุณเอาไว้

จัดสรรเวลาเลยครับ ลิสต์มาเลยว่า ความคิดไหนบ้างที่มันฉุดคุณไว้

ความคิดลบๆ ทั้งหลาย เช่น…

– ฉันเป็นคนที่ตัดสินใจผิดพลาดตลอด
– ฉันมันห่วย และไม่เอาไหน
– ฉันกลัวว่ามันจะผิดพลาด และล้มเหลว เพราะฉันเก่งไม่พอ
– มันยากมากเลยนะ ที่จะทำสิ่งที่รักไปด้วย ในตอนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว
– ฉันคงมีความสุขไม่ได้แน่ๆ ถ้าจะเริ่มทำตาม Passion
– ฉันยังรู้ไม่พอ ซึ่งนั้นทำให้ฉันไม่กล้าลงมือทำอะไรจริงๆ สักที

ลิสต์ออกมาให้มากที่สุด เท่าที่จะนึกได้เลยครับ

ถึงเวลาปลดปล่อยมันออกไปแล้ว!!

 2. ยอมรับ และเลือกใหม่

หลังจากที่คุณได้ลิสต์ความคิดลบๆ ออกมาแล้ว ยอมรับว่า นั่นคือความคิดลบๆ ของคุณเอง

หลังจากนั้นให้คุณลิสต์รายการความคิด หรือความเชื่อใหม่ที่มันจะสนับสนุนให้คุณ มีชีวิตในแบบที่คุณฝันได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องกังวล

แค่เลือกความเชื่อที่มันสนับสนุนคุณ แล้วเขียนลงไป

ตัวอย่างเช่น..

– เมื่อฉันตั้งใจจริงในเรื่องไหน ฉันก็จะสำเร็จในสิ่งนั้น
– ฉันคือคนที่เหมาะสม และคู่ควรกับผลลัพธ์
– ฉันตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้ตัวเองเสมอ
– ฉันมีความรู้ มีความสามารถมากพอ ที่จะเริ่มต้นลงมือทำ และประสบความสำเร็จ
– ถ้าฉันเลือกเดินตาม Passion ฉันจะมีชีวิตที่สนุกสนาน และมีความสุข
– ฉันสามารถสร้างชีวิต ด้วยการทำสิ่งที่ฉันรักได้
– ฉันเป็นคนที่ยอดเยี่ยม และฉันมีศักยภาพที่เต็มเปี่ยมอยู่ภายใน

มาถึงขั้นนี้ คุณจะมีทั้ง ลิสต์ของความคิดลบๆ
และลิสต์ของความเชื่อใหม่ในมือแล้ว

ก็มาถึงขั้นตอนสุดท้ายที่จะทำให้คุณปลดล็อคความคิดลบๆ ออกไปซะ

3 .เข้าใจ – ขอบคุณ – และลงมือทำ

หยิบลิสต์รายการความคิดลบๆ ของคุณขึ้นมาอีกครั้ง ทำความเข้าใจว่าทำไมความคิดนี้ถึงเกิดขึ้น
ขอบคุณในความหวังดีของมัน และฉีกมันทิ้งซะ!! วิธีการคือแบบนี้ครับ

ให้คุณเลือกความคิดลบๆ ที่เขียนไว้ มาทีละ 1 ข้อ

เช่น….

ความคิดลบๆ: “ฉันเป็นคนที่ตัดสินใจผิดพลาดตลอด”

หลังจากนั้นให้คุณทำความเข้าใจว่า ทำไมความคิดลบๆ นี้ เกิดขึ้นจากความหวังดี ที่จะทำให้เราเป็นอย่างไร

เช่น….

ความหวังดีของมัน: “มันต้องการให้ฉันได้ใช้ชีวิตที่สุขสบาย แบบชิลๆ” หลังจากนั้นให้คุณ กล่าวขอบคุณความคิดนั้น

แล้วขีดฆ่ามันทิ้งไปซะ!!

ทำจนครบทุกรายการที่คุณลิสต์ออกมา เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากความคิดลบๆ เหล่านั้น

หลังจากนั้น ให้คุณหยิบลิสต์ความเชื่อใหม่ขึ้นมา ตั้งใจอ่านช้าๆ แล้วลงมือสร้างชีวิตที่ใช่ สักที

คุณคือคน 95% หรือเปล่า?

คุณรู้ไหมครับว่า 95% ของคนที่อ่านบทความนี้ 

จะเลือกให้ชีวิตมีแต่ข้อจำกัดเหมือนเดิมต่อไป!!

นั่นก็เพราะ พวกเขาคิดว่า… เขาคงไม่มีเวลาที่จะทำตาม 3 ขั้นตอนนี้

และสาเหตุของการ “ไม่มีเวลา” ก็คือ ชีวิตเขามันยังเจ็บมาไม่พอ!!

ถ้าคุณไม่ต้องการปล่อยให้ชีวิตที่มีค่าของคุณ ต้องเต็มไปด้วยข้อจำกัดแบบเดิมต่อไปอีกแล้ว

ผมจะบอกว่า…

คุณแค่เริ่มต้น ปลดล็อค 1 ความคิดลบในทันที คุณก็ได้ก้าวมาเป็นคน 5% ที่จะประสบความสำเร็จแล้ว

ถ้าคุณคือ คน 5% นั้น ผมขอท้าทายให้คุณ…

เขียน 1 ความคิดที่ฉุดรั้งคุณเอาไว้
เลือกความเชื่อใหม่ มา 1 ข้อ
กล่าวขอบคุณ และเลือก 1 Action
ที่คุณจะลงมือทำ เพื่อสร้างชีวิตที่ใช่

และแบ่งปัน ความคิดลบ และความคิดใหม่ ที่คุณได้จากทำตาม 3 ขั้นตอนลงในกล่อง Comment ทันที

ตัวอย่างเช่น….

ความคิดลบ: “ฉันไม่เก่ง และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้”
ความคิดใหม่: “ฉันมีความสามารถ และพัฒนาตัวเองได้แบบก้าวกระโดด”

เพราะความแตกต่าง ระหว่างคนล้มเหลว และคนสำเร็จ ก็คือ….

คนล้มเหลว แค่อยากรู้ แต่ไม่คิดที่จะลงมือทำ แต่คนสำเร็จ เขาจะเอาสิ่งที่เขารู้ มาลงมือทำ และเริ่มต้นสร้างผลลัพธ์ทันที!!

โค้ชกิตติ

กิตติ ไตรรัตน์  

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง National Director ของ The Passion Test ประจำประเทศไทย 

ผู้มีความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสนับสนุนให้ผู้คน มีอิสรภาพจากภายในใจ 

www.KittiTrirat.com 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save