5 บทบาทของผู้จัดการที่ต้องเปลี่ยนให้ทันยุค

บางทีก็แอบคิดเล่น ๆ ไม่ได้นะว่าถ้าไล่ผู้จัดการที่ล้าสมัยออกไปจากบริษัทได้ เราน่าจะช่วยบริษัทประหยัดงบประมาณไปได้เยอะเลย

คุณทราบไหมว่าบริษัทต้องสูญเม็ดเงินไปจำนวนมากกับการจ้างคนมานั่งเฝ้าคนอื่นทำงานไปวัน ๆ และเอาเข้าจริงเราไม่ได้ต้องการผู้จัดการแบบนั้นหรอก!

เมื่อโลกธุรกิจมีความท้าทายมากขึ้นในทุก ๆ วัน ‘ผู้จัดการ’ จึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการคิดและวิธีการบริหารคนเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยในอัตราที่มากกว่าความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ ด้วยการปรับเปลี่ยนบทบาททั้ง 5 ต่อไปนี้

====

1. เปลี่ยน ‘การสั่ง’ เป็น ‘การสอน’

สำหรับการทำงานในโรงงานได้มีการเปลี่ยนมาใช้หุ่นยนต์แทนแรงงานมนุษย์มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและตัดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ หุ่นยนต์ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI.) เหล่านี้ล้วนไม่ได้ต้องการให้ใครมาสั่งงานเลย

ผู้จัดการที่ต้องควบคุมดูแลหุ่นยนต์ต้องปรับวิธีการบริหารใหม่ แทนที่จะปล่อยให้หุ่นยนต์ทำงานตามออเดอร์ไปวันๆ ควรทำความเข้าใจหลักการการใช้แรงงานจากหุ่นยนต์ คอยสังเกตและมองหาวิธีในการที่จะใช้ประโยชน์จากพวกมันให้ได้มากที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุด

เมื่อรวบรวมความรู้ในการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ได้แล้ว คุณจะสามารถสอนหรือถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นให้กับบรรดาคนที่ต้องร่วมงานกับหุ่นยนต์ได้ต่อไป
====

2. มองจาก ‘แคบ’ ให้เป็น ‘กว้าง’

ผู้จัดการจำนวนมากยุ่งกับลูกน้องตัวเล็ก ๆ มากเกินไป ไม่ยอมปล่อยให้หัวหน้าโดยตรงของคนเหล่านั้นบริหารจัดการเอง และนั่นก็ทำให้พวกเขาเข้าไปจำกัดความคิดของลูกน้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้ไอเดียใหม่ๆ ถูกสกัดอย่างน่าเสียดายด้วย

ผู้จัดการควรกระตุ้นให้ลูกน้องแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีและมีโอกาสในการแสดงไอเดียที่แตกต่างโดยไม่พยายามไปควบคุมความคิดมากเกินไป

ผู้จัดการหลายคนเข้าใจว่าตัวเองเก่งและ ‘เอาอยู่’ ในทุกสถานการณ์จึงหลงคิดว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร แต่กลายเป็นว่าผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพคือผู้จัดการที่สามารถรวมทีมจากหลายแผนกเพื่อร่วมกันมองหาข้อผิดพลาดและแนวทางแก้ไขจากหลากหลายมุมมองได้

แนวทางนี้จะช่วยทำให้มองเห็นภาพได้กว้างมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ดีกว่าการนั่งคิดเองคนเดียวเป็นไหน ๆ
====

3.ก้าวออกจาก ‘วังวนซ้ำซาก’

ผู้จัดการยุคเก่ามักจะชอบอะไรที่คาดเดาได้และเป็นแบบแผน ทุกอย่างต้องอยู่ในระเบียบอย่างที่เคยเป็นมาและคาดหวังให้เป็นแบบนั้นตลอดไป

ถึงแม้การปล่อยให้อะไร ๆ ที่เข้าที่อยู่แล้วเป็นแบบนั้นต่อไปจะเป็นเรื่องดี แต่ก็อาจทำให้ความคิดหยุดนิ่ง ผู้จัดการเองก็จะสนใจเฉพาะสิ่งที่ตัวเองรู้และเข้าใจแล้วเท่านั้น

องค์กรต้องการผู้จัดการที่รู้จักคิดใหม่ทำใหม่ตลอดเวลา ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่บริษัทกำลังจะเจ๊ง แต่ในช่วงที่บริษัทกำลังประสบความสำเร็จมาก ๆ ก็ต้องการเช่นกัน
====

4.เลิกแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว

ผู้จัดการส่วนใหญ่สารภาพว่างานหลักของพวกเขาคือการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในองค์กร ซึ่งนั่นไม่ควรเป็นหน้าที่หลักเลยสักนิด

ผู้จัดการควรใช้เวลาในการค้นหาวิธีบริหารจัดการใหม่ ๆ ที่ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดปัญหาให้น้อยที่สุด ตลอดจนสนับสนุนให้ลูกน้องมีส่วนร่วมในการทดลองสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายด้วย
====

5. คิดให้เหมือนเจ้าของบริษัท

หลายคนมองว่าการทำงานบริษัทก็คือการเป็นลูกจ้างเท่านั้น และนั่นก็ทำให้ผู้จัดการหลายคนโฟกัสกับการเอาใจหัวหน้าเพื่อความอยู่รอดจนไม่สนใจอะไรอื่นเลย

ความคิดของผู้จัดการกลุ่มนี้จึงมักจะวนเวียนอยู่แต่กับความต้องการของหัวหน้าและติดอยู่ในกรอบ การคิดให้เหมือนเจ้าของบริษัทจะช่วยให้ผู้จัดการมองภาพต่าง ๆ ได้กว้างมากขึ้นและและลงมือทำอะไรได้มากขึ้น ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นภายในตัวเองและในตัวลูกน้องด้วย

เราเชื่อว่าไอเดียทั้งห้านี้จะทำให้ภาพของผู้จัดการไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แน่นอนว่าเมื่อผู้จัดการเปลี่ยน องค์กรก็จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนจรวดเลยทีเดียว

ถ้าคุณคือผู้จัดการมือใหม่ เราขอแนะนำให้อ่าน ก้าวแรกสู่การเป็นผู้จัดการ เพื่อเรียนรู้และฝึกฝนวิธีการพัฒนาตัวเองให้มีทักษะของผู้จัดการที่มีประสิทธิภาพ ที่นี่
====

หนึ่งในบทบาทสำคัญของผู้จัดการที่ต้องเปลี่ยนไปก็คือ ผู้จัดการที่เป็นโค้ช คุณสามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะการโค้ชและให้ feedback ได้ในหลักสูตร High Impact Coaching and Feedback คลิกที่นี่

เรียบเรียงจาก “The Role of a Manager Has to Change in 5 Key Ways” โดย Joseph Pistrui and Dimo Dimov จาก Harvard Business Review 26 ตุลาคม 2018

Learning Hub Thailand – เราพัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและทำงานอย่างมีความสุข 

ปรึกษาเรื่องการพัฒนาทีมในองค์กร ติดต่อ Line @lhtraining หรือ โทร 0939254962

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save