7 เทคนิคจิตวิทยา ที่ทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น

        “ไม่ต้องบอกฉัน ในสิ่งที่คนอื่นบอกว่าเธอเป็นยังไง เล่าเรื่องของตัวเธอให้ฉันฟังสิ” 

นี่เป็นประโยคยอดฮิตที่ “เอลีนอร์ ลองเด็น” (Eleanor Longden) ได้กล่าวเอาไว้บนเวทีระดับโลกอย่าง TED TALK

ประโยคนี้น่าจะทำให้ใครหลายคนฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า นานแค่ไหนแล้วที่เราหลงลืมความเป็นตัวเองไป  

นานแค่ไหนแล้ว ที่เราพยายามเข้าใจคนอื่นจนลืมไปว่าตัวเองก็ต้องการความเข้าใจเหมือนกัน 

===== 

วันนี้คุณไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว  เพราะ Learning Hub มี 7 เทคนิคทางจิตวิทยาที่จะทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้นโดยไม่ต้องเสียเวลา และผลลัพธ์ที่ได้มาก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม 

ถ้าพร้อมแล้วมาดูเทคนิคทั้ง 7 ข้อกันเลย 

===== 

 1. คุยกับตัวเองหน้ากระจก

         ผลวิจัยของ อาจารย์ Gary Lupyan and Daniel Swignley ที่เผยแพร่ทางนิตยสาร TIME ระบุว่า “การพูดคุยกับตัวเองหน้ากระจกไม่ใช่เรื่องบ้าหรือน่าอายแต่เป็นวิธีที่สามารถเรียกความมั่นใจในตัวเอง  ทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าคุยมากขึ้นได้”

“ยิ่งกระจกบานใหญ่เท่าไหร่ ยิ่งเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น และมีแนวโน้มทำให้การรับรู้ของสมองดีขึ้นได้อีกด้วย” 

         ถ้าคุณยังไม่รู้จะเริ่มต้นพูดคุยกับตัวเองอย่างไร แนะนำให้ยืนหน้ากระจกสักพัก ก่อนค่อยๆ ยิ้มให้ตัวเองจนเริ่มรู้สึกว่า…ฉันกำลังยืนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ก่อนจะเริ่มต้นถามคำถามง่ายๆ อย่างที่เราใช้ทักทายคนอื่น เช่น วันนี้รู้สึกอย่างไร, เครียดมั้ย กังวลอะไร, ตอนนี้คิดอะไรอยู่  

=====

        การฝึกคุยกับตัวเองช่วยให้คุณได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกมา รวมทั้งเป็นการป้อนข้อมูลให้กับจิตใจคุณด้วย ที่สำคัญอย่าลืมเลือกประโยคที่สร้างพลังให้ตัวเอง เช่น ฉันทำได้,ฉันเก่ง, ฉันผ่านเรื่องแย่ๆ ไปได้อยู่แล้ว ฯลฯ

ถ้อยคำเหล่านี้ล้วนสร้างแรงบันดาลใจ เพิ่มพลังในด้านบวกให้คุณทั้งสิ้น โดยที่ไม่ต้องรอฟังจากใครเลย

=====

2. ให้ความสงบกับตัวเอง

        งานวิจัยระบุว่า บางครั้งการเข้าสังคมก็ทำให้คนเครียดยิ่งกว่าเดิม แม้แต่การเข้าเฟซบุ๊กซึ่งมีผลการวิจัยยืนยันว่ายิ่งคุณมีเพื่อนมากเท่าไหร่ ความเครียดยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

เพราะเวลาพิมพ์หรือโพสต์อะไรไป คุณจะชะงักและหยุดคิดมากขึ้น เนื่องจากลึก ๆ แล้วคุณแคร์ว่าคนในโลกออนไลน์ อาจจะไม่พอใจหรือรู้สึกไม่ดีต่อคุณนั่นเอง

       เคล็ดลับการให้ความสงบกับตัวเองจึงเหมาะสำหรับคนในยุคโซเชียลฯ อย่างแท้จริง

แค่เริ่มต้นด้วยการวางโทรศัพท์มือถือ เลิกเสพข่าวออนไลน์ อย่างน้อยวันละ 5-10 นาที นั่งอยู่ในที่สงบเงียบสักพัก ฟังเสียงหัวใจของตัวเองเต้นไปสักพัก 

ไม่แน่นะเสียงหัวใจที่ค่อยๆ ดังขึ้นอาจทำให้คุณเข้าใจได้ว่าจริงๆ แล้ว ตัวเองต้องการอะไร 

วิธีการเพิ่มความสงบให้ชีวิตทำได้โดยการฝึกการตระหนักรู้ในตัวเอง หรือ Self – awareness ศึกษาและฝึกฝนได้ที่นี่

=====

 “’ริชาร์ด เกียร์” ดาราดังระดับฮอลลีวูด ก็เลือกใช้วิธีนี ใครจะรู้ว่าดาราดังระดับโลกจะมีเวลาทำสมาธิได้ แต่ “’ริชาร์ด เกียร์’” มักจะหาเวลาปลีกวิเวกและศึกษาธรรมะที่ทิเบตอยู่บ่อยครั้ง ตั้งแต่อายุ 24 ปี จนเขาตั้งเป้าหมายในการทำสมาธิไว้ว่า

“เราทำสมาธิเพื่อที่เราจะได้มีความสุขมากขึ้น มันเป็นแนวทางปฏิบัติที่จะพาพวกเราผ่านพ้นความทุกข์ มุ่งหน้าสู่ความสุข แต่เป็นเพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ชีวิตจึงดูวุ่นวายสับสนทุกครั้งไป”  

       ถ้าวันนี้คุณกำลังรู้สึกสับสนอยู่ แค่วางโทรศัพท์ลง มองโลกตรงหน้า แล้วยิ้มให้โลกดูสักครั้ง รับรองว่าความรู้สึกที่ตัวคุณได้รับจะเปลี่ยนไปแน่นอน

=====

 3. ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ชอบ

        ถ้าไม่นับชีวิตประจำวัน กิน  นอน เล่นเกม สไลด์หน้าจอโทรศัพท์มือถือ กิจกรรมอื่นๆ ที่คุณชอบทำนอกเหนือจากนี้คืออะไร

เมื่อค้นพบแล้ว ลองให้โอกาสตัวเองได้ทำสิ่งเหล่านั้นดูบ้าง เพราะช่วงเวลาที่คุณใช้ไปโดยไม่สนใจว่าตอนนี้กี่โมงแล้วนี่แหล่ะที่จะทำให้คุณได้ค้นพบและรู้จักตัวเองในด้านอื่น ๆ มากขึ้น คุณจะได้รู้ว่าอะไรที่ตัวเองชอบและอะไรที่ไม่ชอบกันแน่ 

=====

        สิ่งที่ชอบกับเวลาที่ใช้ไป จะเป็นกระจกสะท้อนตัวเอง โดยที่ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาบอก เพราะตัวคุณเองสามารถใช้เคล็ดลับนี้สำรวจตัวเองได้ทันที  เช่น ถ้าคุณชอบปลูกต้นไม้ ก็มีแนวโน้มว่าคุณจะเป็นคนใจเย็น รักธรรมชาติ ไม่ชอบความวุ่นวาย  และรักสงบ  

        การที่รู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไรอาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นในการประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดก็ได้ เพราะคนดังระดับโลกหลายคนก็ค้นพบนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านสิ่งที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็น สตีฟ จอบส์ (ผู้ก่อตั้ง Apple), บิล เกตส์ (เจ้าพ่อวงการไมโครซอฟ) ก็ล้วนสำเร็จจากการค้นพบสิ่งที่ตัวเองชอบทั้งนั้น 

=====

 4. หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น

        “คนที่ให้คุณค่าตัวเราได้ คือตัวเราเองนี่แหล่ะ”  นี่คือเคล็ดไม่ลับอับดันต้นๆ ที่จะทำให้คุณหันมารักตัวเองมากขึ้น เห็นคุณค่าตัวเองมากขึ้น

แต่สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือ “หยุดพฤติกรรมเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น” ว่าเค้าดีแบบนั้น เราไม่ดีแบบนี้ เรามีไม่เท่าเค้า เค้ามีดีกว่า ฯลฯ 

        เพราะสิ่งที่เราคิดจะทำให้จินตนาการทำงานมากกว่าปกติ  คิดบวกได้บวก คิดลบได้ลบ ถึงขนาดว่ามีผลวิจัยจากสถาบันสาธารณสุข มหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมายืนยันแล้วว่า ผู้ที่มีความคิดด้านลบทั้งต่อตัวเอง ต่อโลก มักสมองเสื่อมเร็วกว่าคนที่ใช้ชีวิตโดยที่คิดบวก 

=====

        หากคุณกำลังเป็นคนหนึ่งที่คิดมาก ขี้กังวลจนรู้สึกวิตกกังวลบ่อยๆ ลองนำเคล็ดลับนี้ ไปใช้ดู ลองหันมาหาข้อดีของตัวเองดูแบบจริงๆ จังๆ สักครั้ง

การตอบคำถามคนอื่นได้ชัดถ้อยชัดคำ ว่าตัวคุณเองทำอะไรได้ดี หรือบอกได้ว่าตัวคุณเองชอบอะไร? จะทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น และเครียดกับข้อเสียของตัวเองน้อยลง นั่นเพราะคุณรู้สึกภูมิใจในตัวเองนั่นเอง

=====

5. สังเกตคนรอบตัว

         “คนแบบเดียวกัน มักดึงดูดคนแบบเดียวกัน” นี่คือสิ่งที่เรียกว่า กฎแห่งแรงดึงดูด  (Law of Attraction) ที่อธิบายได้ง่ายๆ ว่าสิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน

ดังนั้นถ้าคุณมองไม่เห็นตัวเอง การมองไปยังคนรอบๆ ตัวคุณ เพื่อนที่คุณคบ แฟนที่คุณมี เจ้านายในบริษัทก็น่าจะเป็นกระจกชั้นดีที่สะท้อนความเป็นตัวตนคุณออกมาได้ ไม่มากก็น้อย 

=====

        เมื่อเห็นว่าคนรอบข้างเป็นเช่นไร คุณเองก็อาจเป็นเช่นนั้น เพราะทัศนคติที่ไปในทิศทางเดียวกันทำให้คุณและคนรอบตัว มาอยู่ใกล้ๆ กัน เป็นหลักการสังเกตและเข้าใจตัวเองได้ง่ายๆ ที่คุณสามารถทดลองสังเกตดูได้ 

        หลักการนี้ วาทยกรชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกอย่าง “คุณบัณฑิต อึ้งรังษี”  ได้นำไปใช้ในชีวิตจริงจนประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งด้านการงาน การเงิน ครอบครัว นั่นเพราะเค้าเลือกจะนำพาตัวเองไปอยู่ท่ามกลางคนเก่งๆ ระดับโลก ใช้การซ้อมอย่างหนักหน่วงกับคนมีฝีมือ ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นว่าถนัดอะไรแล้วมุ่งมั่นพัฒนา จนกลายเป็นคนไทย 1 ใน 9 คนจากทั่วโลก ที่ได้รับเชิญไปศึกษาที่ Carnegie Hall ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เลยทีเดียว  

แล้วผู้คนรอบตัวคุณวันนี้เป็นในแบบที่ตัวคุณเองอยากจะเป็น แล้วหรือยัง?  

=====

6. เขียน เขียนและเขียนออกมา

       การเขียนเป็นการระบายสิ่งที่อยู่ในใจได้ดีมากวิธีหนึ่ง อาจฟังดูตลกสำหรับคนที่ไม่เคยจับปากกามาเขียนเรื่องราวของตัวเอง แต่นักจิตวิทยากลับพบว่า การเขียนช่วยให้คนเรารู้สึกโล่งมากขึ้น แถมยังช่วยระบายความเครียดได้เป็นอย่างดี 

       แทนที่คุณจะเขียนระบายความในใจ ลองเปลี่ยนมาเขียนสิ่งที่ตัวเองต้องการในอนาคต เขียนข้อดีที่คุณมี เขียนข้อเสียที่คนอื่นเคยสะท้อนเอาไว้ เขียนสิ่งที่ชอบทำและไม่ชอบทำ

       เมื่อเสร็จแล้วลองนำกลับมาอ่านทบทวนดูอีกครั้ง เสมือนคุณได้อ่านคู่มืออธิบายความเป็นตัวคุณฉบับย่อ นั่นเพราะคนที่เขียนไม่ใช่ใครแต่เป็นตัวคุณนั่นเอง 

=====

 7. ฟังเพลงที่ชอบ ซ้ำไปซ้ำมา

        ศาสตราจารย์ เอเดรียน นอร์ท (Adrian North) ผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีจิตวิทยา ได้ทำการศึกษาพบว่า แนวดนตรีที่คนเราชอบฟัง สามารถแสดงถึงอุปนิสัยและความคิดได้ อาทิ  คนที่ชอบฟังเพลงคลาสสิค จะมีความเคารพตนเองสูง มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นคนเก็บตัว

        คนที่ชอบฟังเพลงอินดี้ จะมีความคิดสร้างสรรค์ แต่มีความเคารพในตัวเองต่ำ และไม่มีความขยัน

คนชอบฟังเพลงฮิตติดชาร์ต เป็นคนมีความเคารพในตัวเองสูง ขยัน เข้ากับคนอื่นได้ง่ายแต่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ และค่อนข้างปิดตัวเอง เป็นต้น 

=====

        ว่าแล้วก็ลองเปิดเพลงที่ตัวเองชอบฟังดูสักหน่อยสิก่อนกลับมาย้อนดูผลวิจัยว่าแม่นยำตรงกับความเป็นคุณมากน้อยแค่ไหน  ข้อดีไหนรู้แล้วก็นำไปต่อยอดได้  

       ส่วนข้อบกพร่องก็หาวิธีเติมเต็มเข้าไป หรือจะลองเปลี่ยนไปฟังเพลงแนวอื่นดูบ้าง เผื่อจะเจอตัวเองอีกด้าน ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลย

===== 

‘ซุนวู’ ผู้เขียนตำราพิชัยสงคราม กล่าวไว้ว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง” แต่ก่อนจะไปรู้เขา วันนี้ต้องลองถามตัวเองดูบ้างว่า เรารู้จักและเข้าใจตัวเองดีพอแล้วหรือยัง

เราเชื่อว่า หากคุณได้นำ 7 เคล็ดลับนี้ไปทดลองใช้  คุณจะรู้จักตัวเองได้มากขึ้น เห็นตัวเองชัดขึ้น กว่าที่ผ่านมาแน่นอน

การทำความเข้าใจตัวเอง ยอมรับตัวเอง คือพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาตัวเอง ซึ่งการพัฒนาระบบความคิด อารมณ์ และความสงบสุขคือสิ่งที่เชื่อมโยงกันโดยตรง เราขอแนะนำหลักสูตร Emotional Intelligence เพื่อพัฒนาความคิดและอารมณ์ของคุณให้ดียิ่งขึ้น คลิกที่นี่


=====

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand – เราพัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและทำงานอย่างมีความสุข

ปรึกษาเรื่องการพัฒนาทีมในองค์กร ติดต่อ Line @lhtraining หรือ โทร 093 925 4962

อ้างอิง

Talking to Yourself May Actually Be A Good Idea ที่มา  http://ideas.time.com/2012/05/23/talking-to-yourself-not-so-crazy-after-all/

พระเอกดังฮอลลีวูด ‘ริชาร์ด เกียร์’ บนวิถีแห่ง “การเจริญภาวนา” http://www.rakbankerd.com/2014/peaceful/article.php?id=4197

กลัวแก่เร่งอัลไซเมอร์ http://www.cheewajit.com/news/news-10122015/

นิสัยแบบไหน แนวดนตรีบอกได้ ที่มา  http://health.kapook.com/view108761.html

สุขจิตกับสิ่งดีดีที่สุด ที่มา  http://www.health4win.com/index.php?lite=article&qid=42127493

กฏแรงดึงดูด ที่มา  https://www.gotoknow.org/posts/406516s

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save