5 ข้อคิดสำหรับคนอกหัก ให้มีรักได้อีกครั้ง

5-positive-mindsets-that-you-should-have-get-over-breakup

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นสิ่งที่คอยหล่อเลี้ยงจิตใจให้สดใส ชุ่มชื่นและกระชุ่มกระชวย หากคุณกำลังมีความรัก คุณจะมองเห็นโลกเป็นสีชมพู บรรยากาศรอบข้างล้วนน่ามอง ทุกอย่างดูราบรื่นและเป็นใจไปกับคุณทุกเรื่อง แต่หากคุณเคยพบเจอประสบการณ์ “อกหัก” คุณคงจะรู้ว่ามันเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน

ความไม่สมหวังในความรักทำให้คุณรู้สึกเสียใจ บอบช้ำ หรือบางทีอาจถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับบางทีคุณอาจคิดว่าต้องใช้เวลาในการเยียวยารักษาแผลใจตลอดไป ไม่สามารถเจอคนที่ดีได้อีก หรือคุณอาจสูญเสียความมั่นใจจนตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ฉันมีค่าพอกับการถูกรักหรือไม่” หรือ “ฉันดีพอที่รักใครใหม่ได้อีกหรือเปล่า”

แม้ว่าการอกหักจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คุณเจ็บปวด และผ่านพ้นไปอย่างยากลำบาก แต่มันก็ทำให้คุณก้าวไปยังทิศทางใหม่ที่ถูกต้องและเหมาะสมมากกว่าเดิม คุณอาจคิดว่าตอนนี้ชีวิตคุณถึงทางตัน บรรยากาศรอบข้างช่างมืดมิดและโหดร้าย แต่จงจำไว้ว่าชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอ มีหนทางที่ดีและสวยงามรออยู่ ดังนั้น คุณไม่ควรยอมแพ้ต่อความผิดหวังในเรื่องความรัก ในทางกลับกัน คุณควรใช้ประสบการณ์นั้นให้เป็นประโยชน์ ปรับมุมมองและทัศนคติเรื่องความรักใหม่ และใช้แนวคิด5 ข้อในบทความนี้

1) บางครั้งการยุติความสัมพันธ์ก็ดีกว่าการพยายามประสานแก้วที่แตกร้าว

ความรู้สึกและจิตใจของคนเราเปรียบเสมือนแก้วที่เปราะบาง ดังนั้น คุณจึงควรดูแลรักษามันให้ดี เพราะหากคุณทำแก้วแตกหักหรือเสียหาย ก็เป็นเรื่องยากที่จะประสานให้ดีดังเดิม ความรักของคนเราก็เช่นกัน เมื่อความสัมพันธ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด คุณต้องยอมรับความจริงอันโหดร้ายนั้นให้ได้ คุณไม่อาจเข้าข้างตัวเอง และยึดติดว่าตนจะต้องมีความรักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น จงคิดว่าทุกๆความสัมพันธ์ไม่ได้เหมือนกับตอนจบในละครที่พระเอกและนางเอกได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไปชั่วนิรันดร

หากความสัมพันธ์ไม่สามารถไปต่อได้ จงเผชิญหน้ากับความจริง การเลิกราไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คุณคิด แต่การดื้อดึง หรือไม่ยอมรับความจริงต่างหากที่ทำให้คุณเจ็บช้ำไม่รู้จบ การพยายามประสานแก้วที่แตกร้าวอาจทำให้คุณเสียเวลาและเจ็บปวดมากกว่าเดิม ดังนั้น หากความรักของคุณไม่สามารถไปต่อ คุณควรตั้งสติ และพิจารณาที่จะก้าวเดินต่อไป

2) จงให้ความรักแบบไม่หวังผลตอบแทน

การให้ความรักแก่กันเป็นเรื่องดี แต่การให้ความรักโดยไม่หวังผลตอบแทนเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะคุณจะไม่เกิดความคาดหวัง และหากคุณไม่คาดหวัง คุณก็จะไม่ผิดหวังการคาดหวังให้อีกฝ่ายรักตนเท่าๆกับที่ตนรักเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะมันจะทำให้คุณเครียด กดดัน และไม่มีความสุข นอกจากนี้ หากอีกฝ่ายปฏิบัติตนไม่ตรงกับความคาดหวังของคุณก็จะทำให้คุณน้อยใจ กังวล และสิ่งนี้จะเป็นสาเหตุของการทะเลาะกัน ดังนั้น คุณจึงควรรักให้ถูกวิธี รักอย่างไม่คาดหวัง และความรักจะกลับมาหาคุณเอง

3) การเลิกราไม่ใช่ความผิดของใคร

ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะร้องไห้ฟูมฟาย ทำลายข้าวของ ทำร้ายตนเองหรือกล่าวโทษว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิดที่เดินออกจากชีวิตของคุณ หากเขาหรือเธอเลือกที่จะเดินจากไป ก็แสดงว่าคนๆนั้นไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับคุณ เพราะหากเขารักคุณเขาก็จะมองเห็นในสิ่งดีๆที่คุณทำ และคุณก็คงไม่ต้องมาผิดหวังแบบนี้ ดังนั้น อย่าเสียเวลาให้กับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าของคุณ ชีวิตยังอีกยาวไกล และโลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ จงเดินหน้าต่ออย่างมีสติ ทำตัวให้มีคุณค่า และคิดซะว่าเป็นเรื่องดีที่คุณจะได้มอบสิ่งดีๆให้กับคนที่เหมาะสมและคู่ควร

4) ปล่อยให้อดีตผ่านพ้นไป อยู่กับปัจจุบัน และเปิดรับสิ่งดีๆในอนาคต

แต่ละคนมีวิธีรับมือกับความผิดหวังที่แตกต่างกันออกไป หลายคนจมปลักอยู่กับอดีต ปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมเปิดรับสิ่งใหม่ให้กับชีวิต การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คุณไม่ควรปล่อยให้คนเพียงคนเดียวมีอิทธิพลต่อชีวิตทั้งชีวิตของคุณ หากคุณแบกความทุกข์ไว้ ตัวคุณเองที่จะรู้สึกหนัก ดังนั้น จงปล่อยเรื่องเลวร้ายให้ผ่านพ้นไป เก็บข้อผิดพลาดต่างๆไว้เป็นประสบการณ์ เรียนรู้ข้อเสียของตนเองและนำไปใช้ในความสัมพันธ์ครั้งใหม่ คุณควรคิดว่าตนเองยังมีโอกาสได้พบกับคนอีกมากมาย หาโอกาสออกไปพบปะเพื่อนฝูงบ้าง ทำสิ่งดีๆให้กับตนเองบ้าง เพราะยิ่งคุณก้าวไปข้างหน้าได้เร็ว ก็เท่ากับว่ายิ่งเปิดโอกาสให้สิ่งดีๆเข้ามาได้เร็วขึ้นเช่นกัน

5) เคารพการตัดสินใจของอีกฝ่าย

การปล่อยให้ความรักจบลงไม่ได้หมายความว่าคุณไม่แคร์อีกฝ่าย คุณเพียงแค่เคารพการตัดสินใจของกันและกัน หากคุณยังหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ว่า “แล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง” หรือ “เขาหรือเธอจะเป็นอย่างไรถ้าขาดฉันไป จะอยู่ได้หรือไม่” นั่นแสดงว่าคุณกำลังคิดแทนผู้อื่น จริงๆแล้วคุณไม่มีสิทธิ์ควบคุมหรือบงการชีวิตอีกฝ่าย เขาหรือเธอสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์เพราะฉะนั้น หากอีกฝ่ายต้องการปล่อยมือคุณ คุณก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งไว้ได้ คุณทำได้เพียงแค่ยอมรับความจริง ปล่อยให้มันผ่านไป รักษาแผลใจตนเอง และรอคอยคนที่ดีกว่าในอนาคต

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand

(Source: http://www.lifehack.org/322214/5-positive-mindsets-that-you-should-have-get-over-breakup)

5 ความแตกต่าง ระหว่างรักแท้กับรักเทียม

ความรักที่แท้ คนทั้งสองจะไม่ “ตกหลุมรัก” แต่จะ “ก้าวเข้าไปในความรัก” มันจะไม่เกิดจากการตกหลุมลงไปแบบหัวปักหัวปำ แต่จะเป็นการค่อยๆพัฒนาเติบโตไปด้วยกัน การตกหลุกรัก เป็นเพราะเราห้ามใจไม่ได้ จนต้องเสียความเป็นตัวเอง ติดอยู่ในที่ไหนสักแห่งที่ต่ำกว่าเดิม จะต้องพยายามปีนกลับขึ้นมา เพื่อจะใช้ชีวิตอย่างปกติ

แต่รักแท้ไม่ใช่อย่างนั้น การก้าวเข้าไปในรัก เกิดขึ้นง่ายๆโดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย เป็นพื้นที่ๆสงบสุขของชีวิต ปลอดภัยและอบอุ่นเหมือนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องต่อสู้แย่งชิงเพื่อให้ได้มา

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าความรักครั้งนี้ เป็นรักแท้หรือเทียม มันจะสั้นแค่สองเดือน หรือจะยาวนานตลอดไป ต่อไปนี้เป็น 5 ความแตกต่าง ระหว่างรักแท้กับรักเทียม

1. รักเทียมมีแต่คำถาม รักแท้มีทุกคำตอบ

คู่รักเทียมชอบถามว่า เธอรักฉันไหม เธอกำลังมองคนอื่นอยู่รึเปล่า เราจะคบกันไปนานได้แค่ไหน คู่รักแท้ ไม่มีความสงสัย ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามเหล่านี้ เพราะต่างมีคำตอบให้ตัวเอง และไม่ต้องการคำยืนยันอะไรจากอีกฝ่าย เมื่อเรารักใครและเค้ารักเรา จะไม่เกิดความระแวงซึ่งกันและกัน

เมื่อคบกับเค้าแล้ว รู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจ ทำให้เราสงบใจได้อย่างประหลาด พวกเค้าไม่เสียเวลากับคำถามเล็กๆน้อยๆ เพราะมีคำตอบใหญ่ๆให้กับชีวิตแล้ว

2. รักเทียมมีแต่ดราม่า รักแท้เป็นเรื่องง่ายๆ

คู่รักเทียม ใช้ชีวิตอย่างอุดมคติ ว่าชีวิตรักต้องสวยหรูดูดี มันจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังสิ่งต่างๆจากอีกฝ่าย มีความรู้สึกโหวงๆ ลึกๆแล้วเหมือนบางอย่างขาดหายไป มันคือการสูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่ว่ายามหลับหรือตื่น แค่อยู่ใกล้ๆกันสองสามชั่วโมงก็รู้สึกเหนื่อย

แต่แล้วก็ต้องปลุกความรักขึ้นมาใหม่ด้วยกิจกรรมบนเตียงหรือหาเรื่องพูดคุยเรื่อยเปื่อย คู่รักแท้ไม่มีดราม่า เพราะดราม่าเป็นเรื่องของคนที่ไม่รู้วิธีสร้างความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์นั้นควรจะเป็นไปอย่างสบายๆตั้งแต่แรกเริ่ม ไม่มีการทะเลาะกันแรงๆแล้วต้องใช้เซ็กส์เพื่อคืนดีกัน ไม่ต้องมีการโทรตามจิก หรือหึงหวงกันให้วุ่นวาย

คู่รักแท้รู้สึกเติมเต็มในใจเสมอ ไม่มีช่องว่างตรงกลาง ไม่รู้สึกสูญเสียความเป็นตัวตน และไม่รู้สึกว่าถูกพรากอะไรไป แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน นั่งมองหน้าหรืออยู่ด้วยกันเงียบๆก็มีความสุข

3. รักเทียมรวมเป็นหนึ่ง รักแท้อยู่เป็นคู่

คู่รักเทียมมองหาอีกฝ่ายมาเติมเต็มสิ่งที่ขาด เหมือนครึ่งกับครึ่งมาเจอกัน พยายามรวมให้เป็นหนึ่ง ในความสัมพันธ์จึงมองหาในส่วนที่ตัวเองขาดหาย แต่เมื่อหาสิ่งนั้นไม่เจอในคู่ของตน จึงเกิดความไม่พึงพอใจ กลายเป็นบังคับอีกฝ่ายให้ปรับเข้าหาตน คู่รักแท้ ไม่ต้องการเป็นหนึ่งเดียว เค้าใช้ชีวิตแยกกัน แบบหนึ่งบวกหนึ่ง จึงรวมเป็นสอง

เมื่อจิตใจข้างในของตัวเองเต็มแล้ว จึงไม่ต้องมองหาใครมาเติมเต็มอีก ในความสัมพันธ์จึงไม่เรียกร้องให้อีกฝ่ายปรับเข้าหา แต่ให้พื้นที่กับคู่ของตน ในการใช้ชีวิตและเติบโตอย่างที่ต้องการ เป็นกำลังใจให้อีกฝ่ายได้ทำตามฝันและความสนใจ สนับสนุนทุกทางที่เป็นไปได้เพื่อให้อีกฝ่ายมีความสุข

4. รักเทียมทะเลาะด้วยข้อความ รักแท้เผชิญหน้า

การทะเลาะกันแบบคู่รักเทียม มักจะใช้วิธีแชท ส่งข้อความตอบโต้กันไปมา ลงท้ายก็คือยิ่งเข้าใจผิด เพราะมันไม่สามารถสื่ออารมณ์ที่แท้จริงได้ผ่านอักษรหรือไอคอนการ์ตูนได้ เหลือทิ้งไว้แต่หลักฐานของความสัมพันธ์ที่แตกร้าว

คู่รักแท้ หันหน้าเข้าหากันเสมอเมื่อมีเรื่องไม่เข้าใจ พร้อมรับฟังและสื่อสารด้วยหัวใจไม่ใช่อารมณ์รุนแรง กล้าเปิดเผยความรู้สึกและความต้องการที่แท้จริง เพื่อปรับความเข้าใจกันไม่ใช่โทษกัน ที่สำคัญพวกเขามักทะเลาะกันเพื่อสร้างอนาคต ไม่ใช่เพื่อขุดคุ้ยอดีต

5. รักเทียมเร่งเวลา รักแท้ไม่มีเวลา

ไม่มีสูตรสำเร็จว่า คู่รักจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันได้เมื่อไหร่ คบกันนานแค่ไหนถึงจะแต่งงานกัน คู่รักเทียม ตั้งกฎและกำหนดข้อตกลงบางอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองจะไม่ตัดสินใจพลาดในครั้งนี้ รักแท้มีจังหวะของมันเอง คุณจะรู้สึกได้เมื่อพร้อม ความรู้สึกนั้นเกิดขึ้นภายในด้วยตัวเองอย่างปราศจากความพยายามหรือเร่งรีบ

คุณรู้สึกว่าการตัดสินใจอยู่ด้วยกันหรือแต่งงานกัน เป็นไปอย่างอิสระและธรรมชาติ แม้คนรักอาจเข้ามาและจากไป แต่ความรักนั้นจะไม่หายไปด้วยเวลา

“รักแท้ สร้างได้” หากคุณทำความเข้าใจกับหลัก 5 ประการนี้ จะเห็นว่าในความสัมพันธ์ตัวคุณคือ“ต้นเหตุ 100%” ที่จะทำให้ความรักครั้งนี้เป็นรักแท้ หรือรักเทียม แม้ว่าอยู่กับด้วย รักเทียม ก็ยังทำให้หลายๆคู่ที่อยู่ด้วยกันได้นาน แต่อาจจะเป็นการอยู่อย่างระหองระแหง และต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มีความสุขเหมือนคู่ที่เป็นรักแท้

หากต้องการมีรักแท้ คุณต้องกลับมามองที่ตัวเอง เรียนรู้ที่จะพัฒนาตนเอง ให้สามารถเข้าใจ ยอมรับ และรักตัวเองได้อย่างแท้จริง เมื่อคุณเติมเต็มตัวเองได้ พลังงานบวกนี้จะเปิดรับธรรมชาติแห่งความรัก ดึงดูดรักแท้ คืออีกคนที่เติมเต็มแล้วในตัวเองเข้ามา จากนั้น คุณก็ปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก้าวเข้าไปดื่มด่ำกับมัน โดยไม่คาดหวังหรือกะเกณฑ์

หากนั่นคือพลังแห่งความรัก สิ่งที่คุณจะพบคือความสบาย การให้ ความสวยงาม อบอุ่น ปลอดภัย ไว้วางใจ สนับสนุน ซึ่งนั่นจะทำให้คุณสองคนเติบโต และมีโลกใบใหม่ที่เดินร่วมทางไปคู่กัน

บทความโดย เรือรบ


 

ขอแนะนำหลักสูตรด้านการสื่อสาร ที่ทำให้คุณครองใจคนรัก และครองใจลูกน้องได้
Communication for Leadership: ทักษะการสื่อสาร สำหรับผู้นำยุค AEC

หลักสูตร 1 วัน โดย เรือรบ รายละเอียดคลิกที่นี่

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save