3 กติกาง่าย ๆ ที่ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขในการประชุม

3 กติกาง่าย ๆ ที่ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุขในการประชุม

ปัญหาในการประชุมสำหรับทีมของคุณคืออะไร?

มีคนที่แตกต่างหลากหลาย ทั้งหัวหน้า คนพูดเยอะ และคนไม่ค่อยพูด (หรือไม่พูดเลย) ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้แหล่ะที่อาจสร้างปัญหาในห้องประชุมได้  

ประเด็นสำคัญสำคัญในการประชุมก็คือ ทุกคนที่ถูกเชิญเข้าร่วมประชุม ควรจะมีบทบาทต่อหัวข้อที่ต้องการความคิดเห็นและการตัดสินใจ คำถามก็คือจะทำอย่างไรให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการประชุมได้อย่างแท้จริงโดยที่ทุกคนรู้สึกพึงพอใจ ไม่มีใครรู้สึกว่าถูกบังคับ ถูกครอบงำ หรือถูกเรียกเข้ามาให้เป็นตรายางรับรองการประชุมเฉย ๆ

====

‘Tsedal Neeley’  นักเขียนของ Harvard Business Review ออกแบบการประชุมโดยกำหนดว่าควรจะมีกฎ 3 ข้อสำหรับคน 3 แบบ เพื่อที่จะให้การตัดสินใจต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มีประสิทธิภาพสูงที่สุด

1.กฎสำหรับหัวหน้าทีม

สิ่งที่คนกลุ่มนี้ต้องท่องเอาไว้ก็คือ สร้างสมดุลในการประชุม ทำให้ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียม คอยดูว่าแต่ละคนที่มีส่วนร่วมนั้น มีบทบาทมากไหน รับฟังกันหรือเปล่า และได้มีโอกาสพูดอย่างทั่วถึงและเหมาะสมหรือไม่ 

หากพบว่าใครพูดน้อยหรือไม่พูดเลย ก็ควรจะขอให้คนนั้นได้กล่าวอะไรสักหน่อย ถ้าเจอคนที่พูดไม่คล่องนักก็ต้องคอยช่วยเหลือ ช่วยเสริมประเด็น หรือซักถามให้เคลียร์ 

หน้าที่สำคัญอีกอย่างก็คือ คอยสรุปและจับใจความสิ่งที่สมาชิกในที่ประชุมพูดออกมา ถ้ามีอะไรที่ไม่ชัดเจนก็ต้องทำให้กระจ่างชัดที่สุดด้วย

บางครั้งการเป็นหัวหน้าที่พูดเยอะเกินไปหรือพูดอย่างไม่ระวังก็อาจทำให้ทีมพังได้ อ่าน ระวัง! คุณอาจเป็นหัวหน้าที่พูดจนทีมพัง  คลิกที่นี่ 

====

2.กฎสำหรับคนที่พูดคล่องหรือพูดเยอะ 

สิ่งที่ต้องจำเอาไว้ก็คือ อย่าครอบงำคนอื่นมาก ไม่งั้นอาจจะทำให้เกิดบรรยากาศที่ชวนหมั่นไส้ได้  สิ่งที่ควรปฏิบัติก็คือ ใช้ภาษาที่เข้าใจได้ง่ายไม่ว่าใครก็รู้เรื่อง อย่าเล่นศัพท์เทคนิคหรือสลับภาษาไปมาจนน่าเวียนหัว ควรลดจังหวะการพูดให้ช้าลงสักหน่อย ไม่งั้นยิ่งพูดจะยิ่งมัน จึงยิ่งดังและยิ่งเร็ว

ถ้าอยากให้เกิดบรรยากาศที่ดี อย่าเสนอตัวพูดไปหมดทุกเรื่อง ลองฝึกที่จะตั้งใจฟังคนอื่นพูดบ้าง และที่สำคัญ คอยถามคนอื่น ๆ ว่าเข้าใจและเคลียร์ในสิ่งที่คุณสื่อสารออกไปหรือไม่

====

3.กฎสำหรับคนที่พูดไม่เก่งหรือไม่พูด

สิ่งที่ควรจดจำก็คือ หาทางมีส่วนร่วม เพื่อให้การประชุมสมบูรณ์ คุณควรจะหาทางพูดหรือแสดงความคิดเห็นออกมาบ้าง ถ้าการประชุมนั้นเปิดโอกาสให้พูดแบบเวียนไปเรื่อย ๆ เมื่อถึงคิวก็อย่าหลีกเลี่ยงหรือลุกหนีไปเข้าห้องน้ำ 

อย่าหลุดไปใช้ภาษาส่วนตัวหรือภาษาท้องถิ่น คอยหมั่นถามคนอื่นเวลาที่พูดเสร็จว่าเข้าใจในสิ่งที่เราสื่อสารหรือไม่ เคล็ดลับอีกอย่างสำหรับการมีส่วนร่วมโดยไม่ต้องมีทักษะการพูดที่ดีมากก็คือการฟังแล้วถามในกรณีที่ไม่เข้าใจ หรืออยากจะให้คนพูดอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความกระจ่าง

เพียงทำตามกฎ 3 ข้อเท่านี้ก็จะทำให้การประชุมออกมาราบรื่น สร้างการมีส่วนร่วมของทุกคน และผลลัพธ์ออกมาเป็นที่น่าพอใจสำหรับสมาชิกอย่างแน่นอน

เพื่อให้คุณและคนในทีมมีทักษะในการประชุม การสื่อสาร และการทำงานร่วมกัน ขอแนะนำหลักสูตร Team Communication & Collaboration คลิกที่นี่

=====

เรียบเรียงจาก “Global teams that work” โดย Tsedal Neeley จาก Harvard Business Review ตุลาคม 2015

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand – เราพัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและทำงานอย่างมีความสุข

ปรึกษาเรื่องการพัฒนาทีมในองค์กร ติดต่อ Line @lhtraining หรือ โทร 0939254962

5 เคล็ดลับ เปลี่ยนคนเบื่องาน ทะยานสู่ TOP 5 ในออฟฟิศ

ยอมรับมาซะดีๆ ว่าคุณเคยแอบอิจฉาคนในที่ทำงานที่ได้ดิบได้ดี เป็นลูกรักของ Boss แถมโบนัสและเงินเดือนก็ยังเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมงานไปหลายเท่า

หลายต่อหลายครั้งที่ต้องยอมรับในความสามารถของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพนักงานระดับ Top 5 ในออฟฟิศ

ความสามารถที่เขาเหล่านั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ไม่ได้มาจากการประจบสอพลอ

และหลายต่อหลายคนคิดว่าความสามารถของคนระดับ Top 5 เกิดขึ้นเพราะเขามี ‘พรสวรรค์’ 

====

ความเชื่อเหล่านั้นทำให้หลายคนหยุดพัฒนาการทำงานของตัวเอง ซึ่งตามมาด้วยความรู้สึกหมดหวังต่อความก้าวหน้าในงานที่ทำอยู่ จนอาจกลายเป็นอาการเบื่องานในไม่ช้า

ทั้งที่ ในความเป็นจริงแล้วพนักงานระดับ Top 5 ก็ไม่ได้มีสิ่งใดเหนือกว่าพนักงานระดับธรรมดาๆ เลย ต่างกันเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น

นั่นคือ  ‘ความสามารถในการเรียนรู้ที่รวดเร็ว’

====

โชคดีที่ความสามารถนี้เป็นสิ่งที่สามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง และ ต่อไปนี้ คือ 5 เคล็ดลับ ที่จะทำให้คุณมีศักยภาพในการเรียนรู้รวดเร็ว

1.สร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ

ขั้นตอนแรกของการเรียนรู้  มิใช่แค่การฟังหรือการอ่าน แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้

สภาพแวดล้อมที่เงียบ สงบ และปราศจากสิ่งรบกวนที่จะมาดึงความสนใจของคุณจากสิ่งที่กำลังเรียนรู้ จะช่วยให้จิตใจเกิดสมาธิ 

TIP : ควรให้ความสำคัญกับการจัดโต๊ะทำงานและบริเวณโดยรอบให้อยู่ในบรรยากาศที่เงียบ สงบ ปราศจากสิ่งรบกวน ควรปิดเสียงเครื่องมือสื่อสาร และไม่ควรตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน ควรเก็บไว้ในลิ้นชักเพราะจะได้ไม่รบกวนสายตาซึ่งจะส่งผลดีต่อการสร้างสมาธิในการทำงานมากกว่า

====

2.ใช้จินตนาการช่วยในการเรียนรู้

ทฤษฎีทางจิตวิทยา สรุปได้ว่า มนุษย์เรียนรู้และจดจำเป็นภาพ มิใช่คลื่นเสียงหรือตัวอักษร  ดังนั้น ก่อนจะเรียนรู้งานเรื่องใดให้คุณลองจินตนาการว่า

เมื่อคุณได้รับความรู้นั้นแล้ว จะนำไปทำอะไรบ้าง ในขณะฟังหรืออ่านให้ค่อย ๆ ลำดับความคิดเป็นภาพ

วิธีการนี้เป็นการเปิดจิตใต้สำนึกให้ค่อย ๆ ดูดซับความรู้ใหม่เข้าไปไว้ในความทรงจำ นอกจากนี้การทบทวนความรู้ใหม่ในตอนกลางคืน โดยเฉพาะ 30 นาที ก่อนนอน ยังช่วยให้จิตใต้สำนึกจดจำภาพต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน และสามารถประมวลผล

เพื่อดึงกลับมาใช้ได้อย่างแม่นยำในวันหน้า

TIP : ทุกครั้งที่ได้รับมอบหมายงานที่ไม่เคยทำ ก่อนที่จะบ่นว่ายากให้เปลี่ยนเป็นการฝึกตั้งคำถามกับตัวเองว่า

งานนี้องค์กรจะนำไปใช้ประโยชน์ด้านใดได้บ้าง ?
เราจะได้เรียนรู้สิ่งใดจากงานนี้ ?
เราจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดได้อย่างไร ?

====

3.  จดบันทึกสั้น ๆ

รูปแบบการเรียนรู้หลัก ๆ ที่มนุษย์มีติดตัวมาตั้งแต่เป็นทารก คือ เรียนรู้จากการฟัง (AUDITORY) และเรียนรู้จากการมองเห็น (VISUAL) ซึ่งการเรียนรู้จากการมองเห็นจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการฟัง

เนื่องจากเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างตากับสมองมีจำนวนมากกว่าเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างหูกับสมองถึง 22 เท่า แต่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุด กลับเป็นการเรียนรู้จากการใช้มือเขียนบันทึกข้อมูลหรือการโน้ตย่อ

เพราะช่วยให้เส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างสมองกับตา และสมองกับหูสามารถทำงานไปพร้อม ๆ กัน

กล่าวคือในระหว่างคุณจดบันทึกข้อความ สมองของคุณจะเห็นภาพและได้ยินเสียงเกี่ยวกับข้อมูลที่กำลังจดบันทึกในเวลาเดียวกัน

วิธีการจดบันทึกจึงเป็นเสมือนทางลัดที่ใช้ในการส่งข้อมูลความรู้เข้าไปจัดเก็บไว้ในคลังสมอง

Tip : ฝึกจดบันทึกประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากงานชิ้นใหม่ๆ ที่เพิ่งเคยทำ หรือ งานชิ้นเดิมๆ ที่เคยทำผิดพลาด รายละเอียดของงานในแต่ละขั้นแต่ละตอน หมั่นนำมาอ่านทบทวนสัปดาห์ละครั้ง เพื่อสะสมความรู้ที่ได้รับจากประสบการณ์ตรงไว้ในคลังสมอง

====

4.  แบ่งปันความรู้ใหม่ให้กับผู้อื่น

สิ่งที่น่าตกใจ คือ ความรู้ใหม่ที่เพิ่งได้เรียนรู้ กว่า 90 % ไม่ว่าจะมาจากการฟัง การอ่าน หรือการเขียนก็ตาม จะคงอยู่ในสมองได้ไม่นานนัก

หากคุณไม่รีบนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สมองจะสั่งการว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของคุณ และจะค่อยๆ โละความรู้นั้นทิ้งในเวลาต่อมาเพื่อไม่ให้เป็นภาระสมอง 

ดังนั้น วิธีการที่ง่ายที่สุดในการเก็บความรู้ใหม่ให้คงอยู่ในคลังสมองตลอดไป คือ การพูดคุยเพื่อแบ่งปัน แลกเปลี่ยนสิ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้ให้แก่คนในชีวิตประจำวันของคุณ เช่น เพื่อน คนรัก พี่น้อง

ซึ่งถือเป็นการย้ำเตือนกับสมองว่าเรื่องที่แบ่งปันเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันห้ามลบทิ้งโดยเด็ดขาด

Tip : หาเวลาว่างสักวันละ 5 นาที พูดคุยเรื่องราวดีๆ ที่ได้เรียนรู้มาจากการทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน แทนการสุมหัว ตั้งวง บ่น นินทา เม้ามอย ฯลฯ

====

5.  ดื่มน้ำและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดวิธีหนึ่ง เนื่องจากสมองส่วนหน้าของมนุษย์มีไว้เพื่อทำหน้าที่ในการเรียนรู้และจดจำ ดังนั้น สมองส่วนหน้าจึงมีความต้องการใช้ออกซิเจนในเลือดในปริมาณที่เพียงพอเพื่อเพิ่มเซลสมองให้ส่วนนี้

การดื่มน้ำและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นวิธีการที่ใช้ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าได้อย่างทั่วถึง จึงถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการสร้างสมองอัจฉริยะ

Tip : บนโต๊ะทำงานของคุณควรมีกระติกน้ำ หรือ ขวดน้ำที่มีความจุประมาณ 1 ลิตร ตั้งไว้ เพื่อเป็นการเตือนความจำให้คุณค่อยๆ หยิบมาจิบไปเรื่อยๆ ระหว่างนั่งทำงาน 8 – 10 ชั่วโมง และหลังเลิกงานควรแบ่งเวลาออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 15 – 30 นาที

====

อีกหนึ่งวิธีต่อยอดทักษะความสามารถในการเรียนรู้อย่างรวดเร็วเพื่อการประสบความสำเร็จในงาน อ่าน  3 เคล็ดลับที่การเรียนรู้ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้มากขึ้น คลิกที่นี่

เคล็ดลับง่ายๆ ทั้ง 5 ข้อ คงเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าพรสวรรค์ ไม่ใช่สิ่งที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด

อันที่จริงแล้ว “พรสวรรค์เป็นสิ่งที่เราต้องลงทุน”  การลงทุนที่ดีที่สุด ก็คือการลงทุนกับการเรียนรู้

อย่าลืมใส่ใจดูแลสมองและร่างกายให้พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่เสมอ เพื่อสร้างความสำเร็จในการทำงานให้ทะลุอันดับ Top 5 Top 3 ไปจนถึง Number 1 กันนะครับ

====

วิธีการสำคัญที่ช่วยพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้รวดเร็วก็คือการพัฒนา Growth Mindset ในการทำงาน ขอแนะนำหลักสูตร Growth Mindset for Effective Work ดูรายละเอียดที่นี่

Learning Hub Thailand – เราพัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและทำงานอย่างมีความสุข

ปรึกษาเรื่องการพัฒนาทีมในองค์กร ติดต่อ Line @lhtraining หรือ โทร 094 959 2645

5 เคล็ดลับ เปลี่ยนวันจันทร์ ให้เป็นวันสุข

หากถามว่าในหนึ่งสัปดาห์…

                        วันใดเป็นวันที่ยากลำบากที่สุด ?

                        วันใดเป็นวันที่ไม่อยากให้เวียนมาถึงมากที่สุด ?

                        วันใดเป็นวันที่อยากลบออกจากปฎิทินที่สุด ?

            ถ้าคำตอบของคุณ คือ “วันจันทร์ วันจันทร์ และวันจันทร์”

            ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณคือ มนุษย์เงินเดือนโดยสมบูรณ์แบบ 100%

=====

            จะดีแค่ไหนหากเราสามารถเปลี่ยนวันจันทร์ให้กลายเป็นวันที่สุขใจ

             เคล็ดลับทั้ง 5 ต่อไปนี้ จะช่วยเปลี่ยนวันจันทร์ที่แสนยากลำบาก และเคยเป็นวันที่คุณเกลียดสุดๆ ให้กลายเป็นวันดีๆ ในแบบที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้อย่างแน่นอน 

=====

1.ทำ To Do List

                 การเขียนสิ่งที่ต้องทำลงในกระดาษแผ่นเดียวโดยเรียงลำดับไปทีละเรื่องๆ หรือ การทำ To Do List ในคืนวันอาทิตย์ถือเป็นการวางแผนและตีกรอบให้สมองทำงานจัดการปัญหาทีละเรื่องๆ อย่างเป็นระบบ

วิธีการง่าย ๆ นี้จะช่วยปิดประตูความวุ่นวายสับสนที่อาจจะแวะเข้ามาทักทายคุณได้ในตอนที่คุณล้มตัวลงนอนต่อเนื่องไปจนถึงตลอดทั้งวันที่คุณตื่นขึ้นมา 

=====

2.เลือกทำงานที่ยากที่สุด(หรือไม่อยากทำที่สุด)ก่อนเสมอ

                 ในบรรดางานที่ต้องจัดการที่คุณเขียนไว้ใน To Do List อาจมีทั้งงานชิ้นใหญ่ที่ซับซ้อนในการสะสางและงานชิ้นเล็กที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเท่าไหร่

ให้คุณเลือกหยิบงานชิ้นใหญ่ที่สุด งานที่ยากที่สุด งานที่มีปัญหามากที่สุดหรืองานที่คุณรู้สึกไม่อยากทำที่สุดขึ้นมาทำก่อนเป็นลำดับแรกเสมอ

                เพราะสมองที่เพิ่งตื่นจากการพักผ่อนในช่วงวันหยุดจะมีพลังเต็มเปี่ยมเหมือนแบตเตอรี่สมาร์ทโฟนที่เพิ่งชาร์ตมาจนเต็ม มันจะสามารถจัดการงานที่ยุ่งยากซับซ้อนได้ดีกว่าการเก็บงานชิ้นดังกล่าวเอาไว้ทำทีหลังนั่นเอง

=====

3.ลงมือทำงานที่ยากที่สุดโดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุด(การแบ่งงานออกเป็นส่วนเล็กๆ )

             ในงานชิ้นที่ยากที่สุดที่คุณหยิบมาทำเป็นลำดับแรกนั้น อาจประกอบไปด้วยสิ่งที่ต้องทำมากมาย  ให้คุณแจกแจงสิ่งที่ต้องทำต่างๆ ออกมาให้มากที่สุด

  เช่น ภารกิจในการจัดประชุมบอร์ดบริหาร ประกอบไปด้วยสิ่งที่ต้องทำ ดังนี้

  • การจัดทำวาระการประชุม
  • การสรุปผลประกอบการในรอบไตรมาส
  • การโทรศัพท์นัดกรรมการ
  • การประสานงานแม่บ้านเพื่อจัดหาอาหาร
  • การเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในห้องประชุม 
  • ฯลฯ

             คุณอาจจะเลือกลงมือในสิ่งที่คุณสามารถทำได้คนเดียวและใช้เวลาสั้นที่สุด เช่น เตรียมอุปกรณ์ฯ เป็นลำดับแรกแล้วค่อยทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่น เช่น ประสานงานแม่บ้าน โทรศัพท์นัดกรรมการ 

จากนั้นค่อยทำงานที่ต้องใช้สมองวิเคราะห์เยอะๆ เช่น สรุปผลประกอบการฯ และจัดทำวาระการประชุม ตามลำดับ

วิธีการนี้เป็นการหลอกสมองให้ค่อยๆ สะสมความสำเร็จที่ละเล็กทีละน้อยเพื่อสร้างความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับการค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดที่ละก้าวจนถึงจุดสูงสุดนั่นเอง

=====

4.ให้รางวัลกับทุกความสำเร็จเล็กๆ

                 ในทุกๆ ขั้นตอนของการทำงานแต่ละชิ้น เมื่อทำแต่ละขั้นตอนเสร็จให้คุณให้รางวัลกับความสำเร็จเล็กๆ เหล่านั้นแทนที่จะรอจนงานชิ้นใหญ่เสร็จแล้วค่อยให้รางวัลกับความสำเร็จครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียว

โดยรางวัลอาจเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การพักจิบชาอุ่นๆ 15 นาที การแวะช๊อปปิ้งที่ตลาดนัดในช่วงพักกลางวัน 

            หรือแม้กระทั่งการผ่อนปรนให้ตัวเองทานเค้กชิ้นเล็กๆ ในช่วง On Diet  วิธีการนี้เป็นการสร้างแรงจูงใจให้สมองวิ่งไล่ความสำเร็จที่ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยไม่หมดพลังไปเสียก่อนนั่นเอง

สิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้เป้าหมายของคุณสำเร็จได้จริงก็คือการทำสิ่งที่คุณผลัดวันประกันพรุ่งมาตลอด เรียนรู้วิธีเพิ่มพลังให้ตัวเองทำงานที่รู้สึกไม่อยากทำ คลิกที่นี่

=====

5.ใช้ Social Media ให้น้อยที่สุด

                  นี่อาจจะเป็นข้อที่ทำได้ยากที่สุดสำหรับหนุ่มสาวคนทำงานในยุคปัจจุบัน แต่ในความเป็นจริงแล้วสาเหตุหลักๆ ของอารมณ์หงุดหงิดหัวเสีย ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไปจนถึงการบ่นมักจะมาจากข่าว หรือ เรื่องราวที่ได้รับรู้ผ่าน Facebook Line Twitter IG และ Website ต่างๆ นั่นเอง 

                ส่วนใหญ่แล้วเรื่องราวเหล่านั้นคือเรื่องของคนอื่น และมักจะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นสำหรับตัวคุณเลย

การงดใช้ Social Media ที่ไม่จำเป็นในวันจันทร์จึงเป็นการป้องกันเรื่องราวหรือข้อมูลที่จะเข้ามาปั่นทอนศักยภาพของสมองซึ่งต้องทำงานรับใช้นายของมันอย่างขยันขันแข็ง

=====

                 เคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนี้ จะช่วยปลดล็อคให้วันจันทร์กลายเป็นวันที่แสนสุขใจ

และขอเพียงแค่คุณได้เริ่มต้นสร้างวันจันทร์ให้เป็นวันสุข วันอื่นๆ ในสัปดาห์ก็จะกลายเป็นวันสุขตามไปได้ไม่ยาก 

และหลังจากนั้นใน 1 ปี ถ้าคุณใช้เคล็ดลับทั้ง 5 ข้อในทุกๆ วันจันทร์ แค่เพียง 48 วัน คุณจะทำให้อีก 317 วัน ที่เหลือ กลายเป็นวันดีๆ ได้

และท้ายที่สุดตลอดทั้งปีก็จะกลายเป็นปีที่แสนมีความสุขสำหรับคุณ 

ลองทำดูครับ แล้วคุณจะประหลาดใจว่า… ในทุกๆ วันจันทร์ก็สุขได้ไม่แพ้เย็นวันศุกร์เลยทีเดียว

หนึ่งในทักษะสำคัญที่ช่วยให้คุณทำงานได้เยอะและมีประสิทธิภาพคือทักษะการบริหารเวลา ขอแนะนำหลักสูตร Effective Time Management ดูรายละเอียดที่นี่

=====

เรียบเรียงโดย

Learning Hub Thailand – เราพัฒนาคนในองค์กร ให้เพิ่มศักยภาพและทำงานอย่างมีความสุข

ปรึกษาเรื่องการพัฒนาทีมในองค์กรฟรี  ติดต่อ Line @lhtraining หรือ โทร 0939254962

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save