วิธีก้าวข้าม ความทุกข์ใจที่เคยชิน

1

ถาม…

บางครั้งการที่เราคิดในเรื่องบางเรื่องอยู่คนเดียว คิดซ้ำไปซ้ำมา จนละอายแก่ใจที่เพ้อบ้าๆบอๆ ยิ่งไม่อยากคิดภาพก็ยิ่งโถมเข้ามา อยากจะลืมแต่มันทำไม่ได้

ทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีความสุขเลย สิ่งดีๆ คงไม่หวนกลับมาอีกแล้วเข้าใจค่ะ แต่ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นมาก็จะยังคงอยู่ตลอดไป ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ…..

ตอบ…

ไม่มีความรู้สึกสุขหรือทุกข์ใดที่จะอยู่กับเราตลอดไปหรอกครับ ต่อให้เราอยากจะกอดเก็บมันเอาไว้แค่ไหน ก็ไม่สามารถทำได้

ถึงจะทุกข์แค่ไหน แต่เรายังมีหน้าที่ที่ต้องทำ และเพื่อให้ช่วงเวลาเลวร้ายผ่านพ้นไปได้เร็วยิ่งขึ้น
ผมขอแนะนำให้คุณลองปฏิบัติห้าข้อต่อไปนี้ดูนะครับ!!!

1.ทำสิ่งที่ควรทำ

มีหน้าที่อะไร รับผิดชอบอะไรอยู่ก็ทำให้ดีที่สุด อย่าปล่อยตัวปล่อยใจให้เลื่อนลอย อย่าทิ้งหน้าที่ของตนเอง ยิ่งทุกข์มากเท่าไหร่ ยิ่งต้องตั้งใจทำงานให้ดี ขยันสุดๆ พัฒนาตัวเองสุดๆ เอาจิตใจจดจ่ออยู่กับการงานของเราไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

2. พยายามทำตนให้เป็นคนดี

เมตตาให้มากๆ เห็นแก่ตัวให้น้อยๆ คิดถึงคนอื่นมากๆ คิดถึงตัวเองน้อยๆ เมื่อคิดถึงคนอื่นมาก เราจะโกรธเกลียดน้อยลง อภัยได้ง่ายขึ้น เข้าใจเหตุผลของผู้อื่นง่ายขึ้น จิตใจก็จะเบาขึ้น

3. พูดแต่สิ่งดี

อย่าพูดสิ่งทำลายความหวัง อย่าทำสิ่งที่ทำให้ชีวิตของตนหดหู่ อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่า อย่าย้ำคิดย้ำทำ อย่าโทษคนอื่น อย่าโทษตัวเอง อย่าโทษฟ้าโทษดิน

แต่ให้ยอมรับว่าสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ทำความเข้าใจ ให้อภัย และวางแผนชีวิตเพื่อจะก้าวเดินต่อไป

4. ฝึกมองด้านดีๆ ของชีวิต

เมื่อความทุกข์มาเยือน เราก็ต้องสร้างแสงสว่างให้เกิดขึ้น จงมองโลกให้มันสว่างไสว มองข้อดีของตนเอง มองข้อดีผู้อื่น พูดให้กำลังใจคนอื่น

พูดให้กำลังใจตนเอง ดีใจกับคนอื่น ใจดีกับตนเอง มองอะไรในด้านที่บวก เก็บเกี่ยวกำลังใจที่ผ่านเข้ามา และ สนุกกับชีวิต ทำสุขภาพจิตให้เบิกบานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

5.ท่องไว้เสมอ ท่องซ้ำๆ ให้ขึ้นใจ

ไม่มีอะไรที่จะอยู่กับเราตลอด ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สิ่งของ ชื่อเสียง หรืออำนาจ วาสนา เราเป็นเพียงคนตัวเล็กๆ ที่เกิดมา เป็นแค่คนที่อยู่บนโลกเพียงชั่วคราว อย่าไปเอาเป็นเอาตายอะไรกับชีวิตมากมาย

คนเรามีผิดได้ พลาดได้ ล้มได้ก็ลุกได้ ลุยให้เต็มที ทำให้สุดแรง แต่พอจบแล้วก็เรียนรู้ที่จะปล่อยวางสิ่งนั้นลง ทั้งเรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องความรัก หรือเรื่องอะไรก็แล้วแต่

ทุกเรื่องราวก็ใช้หลักการเดียวกันคือ สร้างเหตุให้เต็มที่ แล้วปล่อยวางในผลลัพธ์ หมายความว่า ถึงเวลาทำก็ทำให้ถึงที่สุด เมื่อทำดีที่สุดแล้ว แม้อะไรจะเกิดขึ้น ก็ยอมรับด้วยความเข้าใจว่าเราได้ทำเต็มทีแล้ว และไม่ควรเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ความทุกข์ เสียใจ หรือความผิดหวังในชีวิตเป็นสิ่งที่เราไม่อาจหลีกเหลี่ยง อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าถ้าเราพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเอง พยายามรักษาฐานที่ตั้งของชีวิต ทำสิ่งที่ควรทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าชีวิตของเราจะเกิดปัญหาอะไร อุปสรรคจะยิ่งใหญ่แค่ไหน
ผมคิดว่ามันย่อมผ่านพ้นไปได้ในที่สุด

“ถ้าอยากมีชีวิตใหม่ ก็ต้องกัดฟันลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่” มันอาจไม่ง่ายนัก แต่เราก็ต้องฝืนใจทำ อย่าปล่อยให้ชีวิตจมอยู่ในมุมอับเฉานานเกินไป เพราะความสุขนั้นใกล้แค่เอื้อมมือคว้า เพียงแต่เราต้องรู้จักเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างเท่านั้นเอง…

บทความโดย

 “พศิน อินทรวงค์”
ติดตามผลงานหนังสือหรือติดตามอ่านบทความดีๆ ก็สามารถเข้ามาได้ที่
เพจ พศิน อินทรวงค์ (กรุณาพิมพ์เป็นภาษาไทยนะครับ)
https://www.facebook.com/talktopasin2013

10 กฎทอง สู่การมีความสุขอย่างยั่งยืน

3

คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ” กล่าวคือ ในชีวิตจริงเราไม่สามารถมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนดั่งเจ้าหญิงและเจ้าชายในนิยาย บางครั้งเราพบเจอกับสิ่งที่สวยงาม แต่บางครั้งเราต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้าย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชีวิตของเราจะมีทั้งสุขและทุกข์ แต่เราเลือกที่จะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ได้ และกุญแจสำคัญที่จะช่วยคุณไขประตูแห่งความสุขได้ก็คือ “ทัศนคติ” ของคุณ 

งานวิจัยชิ้นหนึ่งเปิดเผยว่า ผู้ที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มที่จะอายุยืนยาว ส่วนผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายกลับมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น

หากคุณต้องการทราบว่าตนเองเป็นคนมองโลกในแง่ดี หรือ มองโลกในแง่ร้าย ลองอ่านบททดสอบนี้ดู 

หากมีแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วคุณจะมองมันอย่างไร ระหว่าง “มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว” กับ “มีน้ำหายไปครึ่งแก้ว” และคำตอบจะสะท้อนทัศนคติของคุณ

หากคุณเลือก “มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว” คุณเป็นคนมองโลกในแง่บวก คุณชื่นชมและพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ในสถานการณ์นี้คุณรู้สึกว่าการมีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้วดีกว่าการมีเพียงแก้วเปล่า

ในทางกลับกัน หากคุณเลือก “มีน้ำหายไปครึ่งแก้ว” คุณเป็นคนมองโลกในแง่ลบ คุณสนใจในสิ่งที่ขาดหายไป ดังนั้น คุณจะพยายามไขว่คว้าหาสิ่งอื่นมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย 

เมื่อคุณรู้คำตอบแล้ว จงรักษาหรือปรับเปลี่ยนทัศนคติของคุณให้กลายเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก หากคุณไม่รู้วิธีที่จะทำมัน บทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณมีมุมมองในการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิม และพบกับความสุขในชีวิต 

1) มองหาด้านดี ๆ ในสถานการณ์อันเลวร้าย 

ในแต่ละวัน คุณต้องพบเจอกับเรื่องราวทั้งดีและร้ายปะปนกัน และเพื่อสนับสนุนทัศนคติการมองโลกในแง่ดี เมื่อคุณเผชิญกับเหตุการณ์แย่ ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดหรือโมโห ให้คุณพยายามคิดบวก

มองหาด้านดีในสถานการณ์อันเลวร้ายนั้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเจอรถติดบนถนน แทนที่คุณจะบ่น ด่า หรือระบายความโมโหด้วยการบีบแตรเสียงดัง คุณอาจคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะใช้เวลาฟังเพลงโปรดของคุณให้นานขึ้น 

2) ให้ความสนใจและชื่นชมกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว 

ท่ามกลางสังคมที่วุ่นวาย มนุษย์เราต่างดิ้นรนไขว่คว้าหาความสุขในรูปแบบต่าง ๆ แต่หนึ่งในหลายวิธีที่ทำให้เราค้นพบความสุขก็คือ การได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และสนใจต่อสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว 

ผู้ที่นับถือนิกายเซนมีความสุขจากการพิจารณาถึงสิ่งต่าง ๆ รอบตัว พวกเขาจะชื่นชม ซึมซับ และมีความสุขไปกับสิ่งที่แสนธรรมดาและเรียบง่าย ยกตัวอย่างเช่น การได้เห็นผีเสื้อกระพือปีกเบา ๆ หรือการเฝ้ามองสายฝนอันชุ่มฉ่ำ

และคุณก็สามารถนำเอาวิธีนี้ไปใช้ได้เช่นกัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาใหญ่ ๆกลายเป็นเรื่องเล็กในพริบตา 

3) ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ 

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม กล่าวคือ โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน และต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้นในยามที่เราประสบปัญหาในชีวิต เราย่อมต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

และแน่นอนว่า หากเราเห็นคนอื่นตกทุกข์ได้ยาก หรือเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย หรือทางจิตใจ เราก็ควรที่จะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นเช่นกัน 

การให้ความช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เราได้พัฒนาความคิดด้านบวกของตนเอง ในทางกลับกัน คนที่คิดเอาแต่ได้ จิตใจจะเต็มไปด้วยกิเลสและความทุกข์ ต่างกับคนที่คิดจะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น

พวกเขารู้จักและเห็นคุณค่าของการให้ และเมื่อเขาหยิบยื่นความปรารถนาดีให้กับผู้อื่นแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าเขาจะยิ่งได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนมา 

4) ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ 

ในสังคมสมัยใหม่ ผู้คนต่างให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจกนิยม แต่ละคนต่างยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้ง ให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด จนนำมาซึ่งสภาวะต่างคนต่างอยู่ในสังคม  

อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า” ยังคงสามารถใช้ได้ตลอดกาล มนุษย์ต้องอาศัยรวมกันเป็นกลุ่ม ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้น เราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสมและจริงใจ

ยกตัวอย่างเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น หากคู่สนทนาของคุณกำลังประสบปัญหา คุณก็ควรที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจ รับฟังและให้คำแนะนำแก่เขาด้วยความจริงใจ นอกจากนี้หากคุณสามารถช่วยเหลือเขาได้ ก็ควรที่จะทำโดยไม่หวังผลตอบแทน 

5) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม 

หากคุณนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้านทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลย คุณจะกลายเป็นคนขี้เกียจและเฉื่อยชาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นคุณจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ 

หนึ่งในวิธีการสร้างสุขภาพกายและใจที่ดี คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม คุณควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีมีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน นอกจากนี้ คุณควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพราะจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งจะทำให้คุณมีความสุขและผ่อนคลายความตึงเครียดได้ 

6) ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน 

ครอบครัวและเพื่อนคือคนที่รู้จักคุณดีที่สุด พวกเขารักคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข และเข้าใจคุณเกือบทุกเรื่อง ดังนั้นคุณจึงควรใช้เวลาอยู่กับพวกเขาบ้าง  

การใช้เวลาร่วมกันของสมาชิกในครอบครัวสามารถทำได้ตั้งแต่กิจกรรมเล็ก ๆ ภายในบ้าน เช่น การรับประทานอาหารร่วมกัน ดูโทรทัศน์ร่วมกัน ไปจนถึงกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การไปท่องเที่ยว หรือการดูภาพยนตร์ เป็นต้น

นอกจากนี้ อย่าลืมที่จะแบ่งเวลาให้กับกลุ่มเพื่อนของคุณด้วย เพราะมิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ  มันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ ดังนั้น เมื่อคุณเจอแล้ว จึงควรรักษาไว้ให้ดีที่สุด คุณอาจหาโอกาสพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนบ้าง

สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก 

7) เดินตามความฝันและทำสิ่งที่คุณสนใจจริงๆ 

หลายคนทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความเชื่อว่ามันเป็นหน้าที่หรือความรับผิดชอบที่ต้องทำ จนทำให้ลืมไปว่าตัวเองสนใจและต้องการอะไรจริง ๆ ดังนั้น จงค้นหาสิ่งที่คุณรัก และเมื่อคุณเจอแล้ว

จงทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณมีความสุขและอิ่มเอิบใจ จงท่องให้ขึ้นใจว่าชีวิตของคนเราสั้นนัก ดังนั้น เราไม่ควรเสียเวลากับการทำสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง 

8) ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ต้องรู้ข้อจำกัดของตัวเอง 

การทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี หรือการท่องเที่ยวจะทำให้คุณพึงพอใจ และมีความสุข แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรทำสิ่งต่างๆอย่างสุดโต่งจนเกินไป เพราะนั่นจะทำให้คุณหมดสนุกและอาจทำให้คุณเครียดอีกด้วย

ดังนั้น จงทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป กล่าวคือ การเดินทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด 

9) อย่าระบายความโกรธให้ผู้อื่น 

แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะมีหน้าตาบูดบึ้ง หรือเป็นคนอารมณ์ร้าย ดังนั้น เมื่อคุณรู้สึกโกรธหรือโมโหสิ่งใดก็ตาม อย่าระบายอารมณ์ของคุณกับผู้อื่น เพราะมันจะทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบไปด้วย

ความโกรธเปรียบเสมือนวงล้อแห่งไฟ และเมื่อคุณผลักวงล้อนี้ไปยังผู้อื่น มันจะเผาผลาญและแสดงพลังต่อผู้ที่อยู่รอบข้าง

เพราะฉะนั้น หากคุณเริ่มหงุดหงิดให้พยายามเบี่ยงเบนอารมณ์และระงับความรู้สึกนั้น โดยการคิดถึงสิ่งดีดี ๆ คุณอาจเดินออกไปข้างนอกเพื่อหลีกหนีจากสถานการณ์ตึงเครียดนั้น สูดลมหายใจลึกๆ จนกระทั่งความโกรธนั้นหายไป 

10) อย่าเสียเวลากับสื่อที่ไร้สาระ 

สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยสื่อที่ไร้สาระ ยกตัวอย่างเช่น รายการทางโทรทัศน์ส่วนใหญ่ออกอากาศละครน้ำเน่าและเกมโชว์ที่เน้นแต่ความตลกโปกฮา คลื่นวิทยุมักเปิดเพลงที่มีเนื้อหาด้านลบ

เช่น เพลงอกหัก หลงรักคนมีเจ้าของ หรือเพลงที่มีเนื้อหาล่อแหลม สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของคุณหม่นหมองและเป็นการยั่วยุให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบอีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้จิตใจของคุณมองโลกในแง่บวก 

คุณควรเลือกเสพข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์และไม่ควรติดตามหรือเสียเวลากับสื่อที่ไร้สาระ 

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand 

(Source: http://expandedconsciousness.com/2015/08/09/10-tools-to-live-a-happy-life/

 

 

 

5 ทักษะ ที่ช่วยให้คุณมีความสุข เพิ่มขึ้นทุกวัน

ชีวิตที่จะมีความสุขอย่างแท้จริงนั้น ต้องมีองค์ประกอบของความสุขครับ ความสุขเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่มนุษย์ทุกคนปรารถนา แต่จะทำอย่างไรให้ คุณมีความสุขเพิ่มขึ้นในทุกวัน

วันนี้ผมมี 5 ทักษะง่ายๆ ที่ทำได้ทันทีเพื่อให้คุณมีความสุขมากขึ้น มาฝากกันครับ

1.การดื่มด่ำ

คือทักษะในการทำให้ร่างกายและจิตใจ ดื่มด่ำไปกับเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้น ทำตัวของเราให้แช่อิ่มอยู่ในห้วงเวลาแห่งความสุข

…. เวลาที่คุณทำอะไรสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ลองฝึกปล่อยใจให้ดื่มด่ำไปกับอารมณ์ดีๆ นั้นให้นานขึ้นดูสิครับ

2.การขอบคุณ

หมั่นขอบคุณเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต ปรับมุมมองและทัศนคติให้เป็นด้านบวก แม้วันนี้จะพบเจอกับความล้มเหลว

ก็ลองขอบคุณสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทำให้เราได้มีประสบการณ์ชีวิต ที่จะช่วยให้เราภาคภูมิใจกับความสำเร็จได้มากขึ้นกว่าเดิม

3.มีความหวัง

ใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง โอกาสดีๆ รอปรากฏให้คนที่มีหวังได้มีโอกาสพบเจออยู่เสมอ การมีความหวังทำให้เราก้าวเดินต่อไป

แม้จะเจอกับสิ่งกีดขวางระหว่างทาง…. ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่… ขอจงเชื่อเถอะว่า… ความหวังยังมี

4.การให้

การให้ทำให้มนุษย์มีความสุข และมีความสุขทั้งผู้ให้ และผู้รับเลยทีเดียว ซึ่งการให้ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย

… เพราะมันทำได้ตั้งแต่การให้รอยยิ้มกับคนใกล้ๆ ตัว ก็ถือเป็นการให้ ที่สร้างความสุขได้แล้ว

5.ความเอาใจใส่

การรู้จักเอาใจเข้ามาใส่ใจเรา รู้จักแสดงความรัก และความห่วงใยต่อผู้อื่น นอกจากจะช่วยให้เรามีความสุขมากยิ่งขึ้นแล้ว

ยังเป็นการฝึกให้เราเป็นคนไม่ตัดสินคนอื่น ความเครียด ความโกรธ ที่มีต่อคนอื่นก็จะลดลงตามไปด้วย

มาฝึกทักษะเหล่านี้ เพื่อเพิ่มความสุขในชีวิตกันนะครับ ^^

โค้ชกิตติ

กิตติ ไตรรัตน์  

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง National Director ของ The Passion Test ประจำประเทศไทย 

ผู้มีความฝันและแรงบันดาลใจที่จะสนับสนุนให้ผู้คน มีอิสรภาพจากภายในใจ 

www.KittiTrirat.com 

<

p class=”paragraph” style=”margin: 0cm; margin-bottom: .0001pt; vertical-align: baseline;”>

10 เว็บไซต์อัพแรงบันดาลใจเกินล้น

10-sites-add-up-inspired

คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แรงบันดาลใจ (Inspiration) เป็นแรงขับสำคัญให้คนก้าวข้ามอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จในชีวิตตามที่ฝันไว้  แรงบันดาลใจเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วไม่หมดไป สร้างขึ้นใหม่ทดแทนของเก่าได้เรื่อยๆ

บางคนอาจกระตุ้นตัวเองด้วยการดูหนังดีๆ สักเรื่อง หรือหาหนังสือดีๆ สักเล่มมาอ่าน บางคนแค่คำคมที่แชร์กันในโลกโซเชียลก็สามารถจุดไฟฝันให้ลุกโชติช่วงได้แล้ว

วันนี้ Learning Hub Thailand มี 10 เว็บไซต์โดนๆ  ที่เป็นแหล่งสร้างเสริมแรงบันดาลใจชั้นดีมาฝาก ใครต้องการกำลังใจอย่างแรงลองแวะเข้าไปชมกันได้เลยครับ

1. TED (talks)

“แหล่งรวมเรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจผ่านประสบการณ์ตรง”

ใครกำลังประสบภาวะไอเดียตีบตัน แรงบันดาลใจแห้งเหือด โดยเฉพาะคนทำงานด้านเทคโนโลยี สายบันเทิง หรืองานดีไซน์ คลิกเข้าไปที่ TEDTalks ได้เลยครับ เพราะที่นี่มีเรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจรอให้คุณเข้าไปตักตวงผ่านคลิปวิดีโอมากมาย ซึ่งแต่ละคลิปจะมีเหล่าคนดัง ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ มาแชร์ประสบการณ์ผ่านมุมมองส่วนตัว และให้แง่คิดดีๆ เต็มไปหมด TEDTalks

ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1984 ทุกวันนี้กลายเป็นศูนย์รวมของคนเก่งในหลายสาขาไปแล้ว แถมมีการจัดกิจกรรมสัมมนา มีอีเว้นท์โดนๆ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใครชอบฟังเรื่องเล่าสร้างแรงบันดาลใจต้องคลิกไปดู TEDTalks ครับ

2. The Creativity Portal

“เติมพลังบันดาลใจพิเศษใส่ไข่ให้งานปังได้ที่นี่”

อีกหนึ่งเว็บที่มาพร้อมแรงบันดาลใจแบบล้นๆ  เหมาะสำหรับคนทำอาชีพด้านงานเขียน ครีเอทีฟหรือศิลปินในทุกแขนง Creativity Portal เป็นเว็บแบบ how-to นะครับ มีเรื่องราวดีๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นบทความเจาะลึก แหล่งข้อมูลคัดสรรมาโดยเฉพาะ รอให้คนไอเดียตันเข้าไปเก็บเกี่ยวสร้างแรงบันดาลใจกันด้วยตัวเองได้ตลอด 

ที่สำคัญคือ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ในอาชีพที่ทำ หรือเป็นมือโปรในสายงานของตัวเอง เมื่อเข้ามาที่นี่แล้วจะต้องได้อะไรดีๆ กลับไปด้วยอย่างแน่นอน ไม่งั้น Creativity Portal  คงไม่มีชื่อติดอันดับ 101 เว็บไซต์เชิงสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดของนิตยสารดัง Writer’s Digest ติดต่อกันมาหลายปีอย่างแน่นอนครับ

3. Eldad Hagar

“เรื่องเล่าบันดาลใจของคนหัวใจรักสัตว์”

เว็บนี้ใช้ชื่อเดียวกับผู้ก่อตั้งครับ นั่นคือ Eldad Hagar ซึ่งร่วมกับภรรยา Audrey Spilker Hagar ก่อตั้งขึ้นเพื่อระดมความช่วยเหลือให้กับบรรดาสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งและถูกทารุณในเขตนครลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกภารกิจต่างๆ ในการช่วยเหลือสัตว์ของคนทั้งคู่

หลายคลิปกลายเป็น viral สร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าคนรักสัตว์ไปทั่วทุกมุมโลก เดี๋ยวนี้สัตว์ที่สองสามี-ภรรยาช่วยก็มีคนใจดีมาขอรับไปเลี้ยงดูต่อมากมาย ช่วงนี้บ้านเรากำลังรณรงค์เรื่องสิทธิสัตว์กันอย่างจริงจังด้วย คนรักสัตว์ห้ามพลาดจริงๆ ครับ

4. Belief Net

“คุณเชื่อมั่นในตัวเองถึงระดับจิตวิญญาณมั้ย”

เป็นเว็บยาแรงที่มุ่งสร้างแรงผลักดันให้เกิดขึ้นตั้งแต่ระดับจิตวิญญาณกันเลยทีเดียวครับ  พูดง่ายๆ คือเว็บนี้จะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น สร้างความศรัทธาให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และนำไปสู่การเกิดความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างแรงกล้า จนพร้อมก้าวข้ามฟันฝ่าทุกอุปสรรคไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นใจ

ในเว็บมีเนื้อหาและข้อมูลครอบคลุมหลายด้าน รอให้คุณเก็บแรงบันดาลใจกันได้ตลอด โดยจะมีทั้งที่เป็นโควตคำพูดเด็ดๆ มีแนะนำวิธีการทำสมาธิและอื่นๆ อีกมากมาย ใครที่กำลังสับสน หลงทาง รู้สึกลังเล ไม่มั่นใจ รีบมารับการกระตุ้นจากเว็บนี้กันได้เลยครับ

5. John Wooden

“ยอดโค้ช ยอดคนบันดาลใจกับแชมป์บาสเกตบอลระดับประเทศ 10 สมัย”

John Wooden คือยอดโค้ชผู้พาทีมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเป็นแชมป์ระดับประเทศ 10 สมัยในรอบ 12 ปี ด้วยบุคลิกภาพอันโดดเด่น บวกกับความมุ่งมั่นแรงกล้า เป็นคนตรงไปตรงมา แต่สุภาพมีมารยาทเป็นสุภาพบุรุษตัวจริง ทำให้ Wooden กลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้คนมากมายทั่วโลก

แม้แต่เว็บดังอย่าง  TEDTalk ยังต้องเชิญ Wooden ไปพูดในงานอีเว้นท์ของเว็บมาแล้วนะครับ ในเว็บไซต์มีเรื่องราวดีๆ หลากหลายแง่มุมของเขาให้เก็บเกี่ยวไปใช้เป็นแรงผลักดันได้ไม่มีวันหมด โดยเฉพาะเรื่อง pyramid for success (ปิรามิดแห่งความสำเร็จ)

Wooden จากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2010 แต่ความยิ่งใหญ่ของเขาจะคงอยู่ในใจของคนที่ยังไล่ล่าหาความสำเร็จต่อไปอีกนานเท่านาน

6. Academy of Achievement

“ไม่ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน จุดเริ่มต้นแห่งชัยชนะเริ่มที่ตัวคุณ”

มาที่เว็บไซต์ของสถาบัน American Academy of Achievement กันบ้างนะครับ เป็นเว็บรวบรวมบทสัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟของผู้ที่ประสบความสำเร็จในแขนงอาชีพสาขาต่างๆ ของสหรัฐอเมริกา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ไม่ว่าจะเป็นด้านศิลปะ แวดวงธุรกิจ วิทยาศาสตร์ วงการกีฬา ฯลฯ ถูกรวบรวมมาไว้เป็นพิพิธภัณฑ์เสมือนจริงให้เดินเข้าไปค้นหาแรงบันดาลใจกันได้ตลอด

ใครอยากประสบความสำเร็จอย่าง โอปราห์ วินฟรีย์  อยากรู้ว่าพิธีกรหญิงชื่อก้องโลกคนนี้ต้องผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้างและมีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ ลองพาตัวเองเข้าไปชมกันได้ที่นี่ครับ

7. Jack Canfield

“ไม่ว่าใครก็ประสบความสำเร็จได้ ถ้ามีหลักการที่ดี”

Jack Canfield สุดยอดเทรนเนอร์ด้านความสำเร็จหมายเลข 1 ของอเมริกา มีผลงานตีพิมพ์ชุด Chicken Soup for the Soul เป็นหนังสือ Best Seller โด่งดังไปทั่วโลกจากยอดขายเกิน 100 ล้านเล่ม  

ทุกวันนี้ Jack Canfield ประสบความสำเร็จมากมายในงานที่ทำ เขาจึงอยากแบ่งปันข้อมูลและความรู้ที่มีให้กับทุกคนที่อยากประสบความสำเร็จ เว็บไซต์นี้จึงถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นไกด์ให้ข้อมูล แนวทาง เป็นเหมือนแผนที่นำไปสู่ความสำเร็จนั่นเอง ผลงานของ Jack ที่แปลเป็นไทยมีจำหน่ายในบ้านเราแล้วก็คือ สูตรเด็ดความสำเร็จ (ฉบับหนุ่มสาว) ครับ

8. Jennifer Louden

“แรงบันดาลใจตัวแม่แด่ผู้หญิงทุกคนทั่วโลก”

เทรนเนอร์ด้านความสำเร็จที่เป็นผู้หญิงก็มีนะครับ และ Jennifer Louden หญิงสาวที่ประสบความสำเร็จในงานด้านนี้อย่างมาก ผลงานตีพิมพ์ระดับ Best Seller ของเธอที่ชื่อ The Women’s Comfort Book ซึ่งรวบรวมข้อมูลและแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงกล้าที่จะลุกขึ้นมาใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ

ทำให้เธอกลายเป็นตัวแม่ของบรรดาผู้หญิงทั่วโลกไปแล้ว  และในเว็บไซต์ของเธอเองก็จะมีเรื่องราว ข้อมูลดีๆ มาอัพเดทอย่างต่อเนื่อง ใครที่ลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับเว็บ นอกจากจะได้รับข่าวสารส่งตรงเข้าอีเมลเป็นประจำ เขายังมีส่วนลดสำหรับซื้อสินค้า มีของขวัญกระจุกกระจิกมาฝากกันตามประสาผู้หญิงด้วยครับ

9. Laughter Yoga International

“หัวเราะสร้างพลังบวกในตัวคุณ”

“โยคะหัวเราะ” คิดค้นขึ้นโดย ดร.เมดาน คาทาเรีย แพทย์ชาวอินเดีย เป็นการออกกำลังกายที่ผสมผสาน “การหัวเราะอย่างไม่มีเงื่อนไข” ควบคู่ไปกับ “การหายใจแบบโยคะ” และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก

ปัจจุบันมีสาขากว่า 6000 แห่งเปิดใน 60 ประเทศทั่วโลก หลักการของ “โยคะหัวเราะ” ก็คือทำให้คนเล่นหัวเราะออกมา เพราะการหัวเราะจะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขหรือเอนโดรฟีนออกมานั่นเอง ทีนี้เมื่อมีความสุข ความเครียดก็หาย สามารถคิดอะไรที่เป็นบวกได้

ใครอยากมีความสุข ใครอยากหัวเราะรีบเข้าไปที่เว็บไซต์นี้กันเลย รับรองว่าจะมีเรื่องที่ทำให้ต้องหัวเราะออกมาได้แน่นอนครับ ลืมบอกไปว่าในบ้านเรามีสาขามาเปิดแล้วครับ

10. Debbie Ford

“ปรับลุค พิชิตความกลัว ปลุกพลังบวกในตัวคุณ”

Debbie Ford คือผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพและเสริมสร้างศักยภาพให้กับบุคคล เธอมีงานตีพิมพ์ระดับ Best-seller อย่าง The Dark Side of the Light Chasers, Spiritual Divorce และ The Secret of the Shadow เป็นผลการศึกษาชิ้นใหม่ทางด้านอารมณ์และจิตวิญญาณที่สร้างแรงสั่นสะเทือนเป็นอย่างมากไปทั่วโลก

เว็บไซต์ของ Debbie พูดถึงวิธีการเอาชนะความกลัว บอกถึงแนวทางในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง มีเรื่องของการทำสมาธิชำระล้างความคิดในแง่ลบ และอีกมากมายรอให้เข้าไปค้นหา           

สุดท้ายอยากบอกว่า อย่ารอให้ใครมาให้กำลังใจคุณ เพราะบางทีแรงบันดาลใจอาจจะไม่มีใครบันดาลได้ดีไปกว่าตัวคุณเองครับ

เรียบเรียงโดย ป๋อม – Learning Hub Team

ที่มา: http://www.8womendream.com/6460/the-top-48-motivational-and-inspirational-web-sites

10 นิสัยที่ทำให้คุณเป็นคนมีประสิทธิภาพและมีความสุขได้ทุกวัน

10 habits that make you a more effective and happy every day-2

สิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณต่างจากคนอื่นแบบก้าวกระโดดนั้นไม่ใช่เพียงแต่สภาพแวดล้อมการทำงานที่คุณเจอ แต่ยังมาจากพลังภายใน ความคิดและทัศนคติที่ทำให้ชีวิตคุณก้าวหน้ามากกว่าใคร และส่วนหลักที่สำคัญที่สุดคือนิสัยและกิจวัตรประจำวันในแต่ละวันของคุณตั้งแต่ตื่นตอนเช้าจนถึงเย็น 

คุณกำลังทำอะไรอยู่ในแต่ละวัน คุณยุ่งกับมันมากแค่ไหน และสิ่งที่คุณทำเหล่านั้นได้เพิ่มทักษะหรือทำให้ชีวิตคุณก้าวหน้าหรือไม่  กิจวัตรประจำวันของคุณจะปรับและเปลี่ยนนิสัยของคุณในแต่ละวันให้กลายเป็นคนแบบที่คุณเป็น 

1. ตื่นเช้า

ถ้าคุณมีสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันมากมาย การตื่นเช้ากว่าปกติจะทำให้คุณได้ทำอะไรในแต่ละวันมากขึ้น คุณจะมีเวลานั่งคิดและตัดสินใจมากขึ้นในตอนเช้า คุณสามารถที่จะอิ่มเอมกับอาหารเช้าและมีเวลาคัดสรรบรรจงเลือกเสื้อผ้าที่คุณอยากใส่ มีเวลาฟังข่าวและดนตรีซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้คุณสดชื่นและเติมพลังอย่างดีในตอนเช้าของทุกๆวัน

2. จดลิสสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจ

การจดบันทึกทุกๆวันในสิ่งที่คุณชอบหรือประทับใจ จะทำให้คุณเป็นคนมองโลกในแง่ดีขึ้น และมันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คุณเห็นโอกาสในวิกฤติต่างๆ การที่คุณมีความสุขและขอบคุณสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิตจะทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขออกมาจากพลังภายในซึ่งจะดึงดูดสิ่งดีๆให้เข้ามาในชีวิตคุณในอนาคต

3. ทบทวนเป้าหมายของตัวเองทุกๆวัน

ถ้าคุณอยากจะเป็นคนที่มีประสิทธิภาพ มีสาระ และจัดการชีวิตได้ดีขึ้น คุณควรเขียน เป้าหมายประจำวันว่าคุณต้องทำอะไรบ้าง และเมื่อจบวันคุณควรทบทวนว่าเป้าหมายของคุณได้ทำสำเร็จแล้วหรือไม่และไม่สำเร็จเพราะอะไร จงซื่อสัตย์กับตัวเองและอย่าตั้งเป้าหมายเยอะเกินไปจนทำให้คุณรู้สึกท้อแท้ ค่อยๆเริ่มจากเป้าหมายที่ทำได้ง่ายๆในแต่ละวัน

หลังจากนั้นค่อยดูความสามารถและการจัดการเวลาของคุณก่อน แล้วจึงค่อยๆเพิ่มเป้าหมายเข้าไปในแต่ละวันให้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ไม่ควรมีเป้าหมายเกินสามอย่างต่อวัน

4. อย่าลืมของว่างที่มีประโยชน์

ด้วยชั่วโมงที่เร่งรีบ ภาวะรถติด และการใช้ชีวิตทำงานที่เร่งด่วน คุณควรเตรียม Snack กล่องเล็กๆเพื่อเติมพลังให้ร่างกายระหว่างวัน อาจจะเป็นผลไม้ หรือ วิตามิน ขนมปังที่ Healthy เพื่อทำให้คุณไม่เพลียและผ่อนคลายระหว่างวันการทำงาน อย่าลืมว่าร่างกายที่แข็งแรงจะนำไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

5. ออกจากโลก Social Network

เพื่อการทำงานและชีวิตที่มีประสิทธิภาพ คุณควรปิดแชทและออกจากโซเชียลมีเดียในเวลางาน จงมีสติกับงานที่อยู่ตรงหน้าและปัจจุบัน คุณอาจตั้งเป้าว่าต้องเสร็จงานชิ้นนี้ก่อนถึงจะกลับไปเปิดแชท เช็คอีเมล์หรือเล่น Social media การนั่งตอบแชททั้งวันจะทำให้คุณไม่มีสมาธิและงานไม่เสร็จ คุณอาจให้รางวัลตัวเองที่เป็นการพักผ่อนซัก 5-10 นาที หลังจากคุณเสร็จงานหนึ่งชึ้นก็เป็นได้

6. เดินเล่นสั้นๆ

การได้เดินเล่นสั้นๆ ระหว่างวันจะเป็นการกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารความสุข ทำให้คุณมีความจำที่ดีขึ้น และผ่อนคลายมากขึ้น และยังเป็นการชารต์พลังงานทำให้สมองคุณกลับมาพร้อมทำงานหรือเรียนได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย

7. อ่านหนังสือ 2-3 หน้า

ไม่จำเป็นที่คุณต้องอ่านหนังสือทั้งเล่มจบภายในครั้งเดียว การอ่านหนังสือสองสามหน้าต่อวันก็เป็นการเพิ่มความรู้ และเปิดมุมมองทัศนคติในการใช้ชีวิตของคุณได้ และไม่จำเป็นต้องเป็นหัวข้อเดียว คุณอาจอ่านบทความสั้นๆ เรื่องสุขภาพ ความรัก การพัฒนาตัวเอง และอื่นๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการดำรงชีวิต ทำให้คุณมีไฟในการทำงานและเรื่องอื่นๆ

8. เขียนเป้าหมายสำหรับวันพรุ่งนี้

เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่แต่ละวันก่อนนอนคุณควรเขียนแพลนสั้นๆ ว่าคุณจะทำอะไรในวันพรุ่งนี้บ้าง เพื่อเป็นการลดความกังวลของคุณก่อนนอนว่าคุณจะไม่ลืมทำสิ่งนี้ในวันพรุ่งนี้ และยังทำให้คุณไม่หลุดเป้าหมายในการทำงานหรือการพัฒนาตัวเอง

9. เตรียมอาหารกลางวันล่วงหน้า

การเตรียมอาหารกลางวันล่วงหน้า หรือการคิดว่าพรุ่งนี้ตอนกลางวันจะกินอะไรดี จะทำให้คุณกลายเป็นคนใส่ใจในสุขภาพของตัวเองอัติโนมัติ และจะกลายเป็นนิสัยดีๆ ที่ทำให้คุณหันมารักตัวเองมากขึ้น ไม่มัวแต่ยุ่งเรื่องงานจนกระทั่งลืมดูแลตัวเอง ถ้าคุณพึงพอใจและมีความสุขกายสุขใจจากภายใน คุณก็จะพบกับสิ่งดีๆ ในชีวิตมากขึ้น

10. เข้านอนด้วยความรู้สึกเชิงบวก

คุณควรคิดว่าวันนี้คุณตื่นเต้นกับเรื่องอะไร สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันมีอะไรบ้าง การที่คุณเข้านอนด้วยทัศนคติเชิงบวกกับความรู้สึกดีๆ ก่อนนอนจะทำให้คุณนอนหลับได้สนิทขึ้น และสบายใจขึ้น คุณอาจเปิดดนตรีเบาๆ หรือจดไดอารี่ไว้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เกินขึ้นกับคุณในวันนี้ ขอบคุณตัวเองและพร้อมที่จะรับมือกับเรื่องใหม่ๆ ในวันพรุ่งนี้เสมอ

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand

10 กุญแจสำคัญไขประตูแห่งความสุข

10-tools-to-live-a-happy-life

คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ” กล่าวคือ ในชีวิตจริงเราไม่สามารถมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนดั่งเจ้าหญิงและเจ้าชายในนิยาย บางครั้งเราพบเจอกับสิ่งที่สวยงาม แต่บางครั้งเราต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้าย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชีวิตของเราจะมีทั้งสุขและทุกข์ แต่เราเลือกที่จะมีความสุขมากกว่าความทุกข์ได้ และกุญแจสำคัญที่จะช่วยคุณไขประตูแห่งความสุขได้ก็คือ “ทัศนคติ” ของคุณ

งานวิจัยชิ้นหนึ่งเปิดเผยว่า ผู้ที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มที่จะอายุยืนยาว ส่วนผู้ที่มองโลกในแง่ร้ายกลับมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น หากคุณต้องการทราบว่าตนเองเป็นคนมองโลกในแง่ดี หรือ มองโลกในแง่ร้าย ลองอ่านบททดสอบนี้ดู

หากมีแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ครึ่งแก้วคุณจะมองมันอย่างไร ระหว่าง “มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว” กับ “มีน้ำหายไปครึ่งแก้ว” และคำตอบจะสะท้อนทัศนคติของคุณ หากคุณเลือก “มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว” คุณเป็นคนมองโลกในแง่บวก คุณชื่นชมและพอใจกับสิ่งที่มีอยู่ ในสถานการณ์นี้คุณรู้สึกว่าการมีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้วดีกว่าการมีเพียงแก้วเปล่า ในทางกลับกัน หากคุณเลือก “มีน้ำหายไปครึ่งแก้ว” คุณเป็นคนมองโลกในแง่ลบ คุณสนใจในสิ่งที่ขาดหายไป ดังนั้น คุณจะพยายามไขว่คว้าหาสิ่งอื่นมาเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย

เมื่อคุณรู้คำตอบแล้ว จงรักษาหรือปรับเปลี่ยนทัศนคติของคุณให้กลายเป็นคนที่มองโลกในแง่บวก หากคุณไม่รู้วิธีที่จะทำมัน บทความนี้จะเป็นตัวช่วยให้คุณมีมุมมองในการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิม และพบกับความสุขในชีวิต

1) มองหาด้านดี ๆ ในสถานการณ์อันเลวร้าย

ในแต่ละวัน คุณต้องพบเจอกับเรื่องราวทั้งดีและร้ายปะปนกัน และเพื่อสนับสนุนทัศนคติการมองโลกในแง่ดี เมื่อคุณเผชิญกับเหตุการณ์แย่ ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดหรือโมโห ให้คุณพยายามคิดบวก มองหาด้านดีในสถานการณ์อันเลวร้ายนั้น ยกตัวอย่างเช่น หากคุณเจอรถติดบนถนน แทนที่คุณจะบ่น ด่า หรือระบายความโมโหด้วยการบีบแตรเสียงดัง คุณอาจคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะใช้เวลาฟังเพลงโปรดของคุณให้นานขึ้น

2) ให้ความสนใจและชื่นชมกับสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว

ท่ามกลางสังคมที่วุ่นวาย มนุษย์เราต่างดิ้นรนไขว่คว้าหาความสุขในรูปแบบต่าง ๆ แต่หนึ่งในหลายวิธีที่ทำให้เราค้นพบความสุขก็คือ การได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และสนใจต่อสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว

ผู้ที่นับถือนิกายเซนมีความสุขจากการพิจารณาถึงสิ่งต่าง ๆ รอบตัว พวกเขาจะชื่นชม ซึมซับ และมีความสุขไปกับสิ่งที่แสนธรรมดาและเรียบง่าย ยกตัวอย่างเช่น การได้เห็นผีเสื้อกระพือปีกเบา ๆ หรือการเฝ้ามองสายฝนอันชุ่มฉ่ำ และคุณก็สามารถนำเอาวิธีนี้ไปใช้ได้เช่นกัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นปัญหาใหญ่ ๆกลายเป็นเรื่องเล็กในพริบตา

3) ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ

มนุษย์เป็นสัตว์สังคม กล่าวคือ โดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกัน และต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้นในยามที่เราประสบปัญหาในชีวิต เราย่อมต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และแน่นอนว่า หากเราเห็นคนอื่นตกทุกข์ได้ยาก หรือเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกาย หรือทางจิตใจ เราก็ควรที่จะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นเช่นกัน

การให้ความช่วยเหลือผู้อื่นทำให้เราได้พัฒนาความคิดด้านบวกของตนเอง ในทางกลับกัน คนที่คิดเอาแต่ได้ จิตใจจะเต็มไปด้วยกิเลสและความทุกข์ ต่างกับคนที่คิดจะแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับคนอื่น พวกเขารู้จักและเห็นคุณค่าของการให้ และเมื่อเขาหยิบยื่นความปรารถนาดีให้กับผู้อื่นแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจว่าเขาจะยิ่งได้รับสิ่งดี ๆ กลับคืนมา

4) ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ

ในสังคมสมัยใหม่ ผู้คนต่างให้ความสำคัญกับความเป็นปัจเจกนิยม แต่ละคนต่างยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้ง ให้ความสำคัญกับตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด จนนำมาซึ่งสภาวะต่างคนต่างอยู่ในสังคม

อย่างไรก็ตาม ประโยคที่ว่า “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า” ยังคงสามารถใช้ได้ตลอดกาล มนุษย์ต้องอาศัยรวมกันเป็นกลุ่ม ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ดังนั้น เราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างเหมาะสมและจริงใจ ยกตัวอย่างเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น หากคู่สนทนาของคุณกำลังประสบปัญหา คุณก็ควรที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจ รับฟังและให้คำแนะนำแก่เขาด้วยความจริงใจ นอกจากนี้หากคุณสามารถช่วยเหลือเขาได้ ก็ควรที่จะทำโดยไม่หวังผลตอบแทน

5) รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

หากคุณนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้านทั้งวันโดยไม่ทำอะไรเลย คุณจะกลายเป็นคนขี้เกียจและเฉื่อยชาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นคุณจึงควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อให้มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์

หนึ่งในวิธีการสร้างสุขภาพกายและใจที่ดี คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม คุณควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีมีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวัน นอกจากนี้ คุณควรออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพราะจะช่วยให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งจะทำให้คุณมีความสุขและผ่อนคลายความตึงเครียดได้

6) ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและกลุ่มเพื่อน

ครอบครัวและเพื่อนคือคนที่รู้จักคุณดีที่สุด พวกเขารักคุณอย่างไม่มีเงื่อนไข และเข้าใจคุณเกือบทุกเรื่อง ดังนั้นคุณจึงควรใช้เวลาอยู่กับพวกเขาบ้าง

การใช้เวลาร่วมกันของสมาชิกในครอบครัวสามารถทำได้ตั้งแต่กิจกรรมเล็ก ๆ ภายในบ้าน เช่น การรับประทานอาหารร่วมกัน ดูโทรทัศน์ร่วมกัน ไปจนถึงกิจกรรมนอกบ้าน เช่น การไปท่องเที่ยว หรือการดูภาพยนตร์ เป็นต้น นอกจากนี้ อย่าลืมที่จะแบ่งเวลาให้กับกลุ่มเพื่อนของคุณด้วย เพราะมิตรภาพเป็นสิ่งสำคัญ  มันไม่ได้หาได้ง่าย ๆ ดังนั้น เมื่อคุณเจอแล้ว จึงควรรักษาไว้ให้ดีที่สุด คุณอาจหาโอกาสพบปะสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนบ้าง สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกดีและอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

7) เดินตามความฝันและทำสิ่งที่คุณสนใจจริง ๆ

หลายคนทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความเชื่อว่ามันเป็นหน้าที่หรือความรับผิดชอบที่ต้องทำ จนทำให้ลืมไปว่าตัวเองสนใจและต้องการอะไรจริง ๆ ดังนั้น จงค้นหาสิ่งที่คุณรัก และเมื่อคุณเจอแล้ว จงทำตามเสียงหัวใจของตัวเอง เพราะสิ่งนี้จะทำให้คุณมีความสุขและอิ่มเอิบใจ จงท่องให้ขึ้นใจว่าชีวิตของคนเราสั้นนัก ดังนั้น เราไม่ควรเสียเวลากับการทำสิ่งที่ฝืนใจตัวเอง

8) ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ แต่ต้องรู้ข้อจำกัดของตัวเอง

การทำกิจกรรมที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี หรือการท่องเที่ยวจะทำให้คุณพึงพอใจ และมีความสุข แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรทำสิ่งต่างๆอย่างสุดโต่งจนเกินไป เพราะนั่นจะทำให้คุณหมดสนุกและอาจทำให้คุณเครียดอีกด้วย ดังนั้น จงทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างเหมาะสมไม่มากหรือน้อยจนเกินไป กล่าวคือ การเดินทางสายกลางเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

9) อย่าระบายความโกรธให้ผู้อื่น

แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากจะมีหน้าตาบูดบึ้ง หรือเป็นคนอารมณ์ร้าย ดังนั้น เมื่อคุณรู้สึกโกรธหรือโมโหสิ่งใดก็ตาม อย่าระบายอารมณ์ของคุณกับผู้อื่น เพราะมันจะทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบไปด้วย ความโกรธเปรียบเสมือนวงล้อแห่งไฟ และเมื่อคุณผลักวงล้อนี้ไปยังผู้อื่น มันจะเผาผลาญและแสดงพลังต่อผู้ที่อยู่รอบข้าง เพราะฉะนั้น หากคุณเริ่มหงุดหงิด ให้พยายามเบี่ยงเบนอารมณ์และระงับความรู้สึกนั้น โดยการคิดถึงสิ่งดีดป ๆ คุณอาจเดินออกไปข้างนอกเพื่อหลีกหนีจากสถานการณ์ตึงเครียดนั้น สูดลมหายใจลึกๆ จนกระทั่งความโกรธนั้นหายไป

10) ลดการรับสื่อที่ไม่มีประโยชน์

สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยสื่อมากมายหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างเช่น รายการทางโทรทัศน์ออกอากาศละครที่มีเนื้อหาไม่สร้างสรรค คลื่นวิทยุมักเปิดเพลงที่มีเนื้อหาด้านลบ เช่น เพลงอกหัก หลงรักคนมีเจ้าของ หรือเพลงที่มีเนื้อหาล่อแหลม สิ่งเหล่านี้ทำให้จิตใจของคุณหม่นหมองและเป็นการยั่วยุให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบอีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้จิตใจของคุณมองโลกในแง่บวก คุณควรเลือกรับข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์และไม่ควรติดตามหรือเสียเวลากับสื่อที่ไม่มีประโยชน์

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand

(Source: http://expandedconsciousness.com/2015/08/09/10-tools-to-live-a-happy-life/)

6 เทคนิคปรับความคิด ชีวิตเปลี่ยนตลอดไป

คุณเชื่อหรือไม่ว่าความคิดของคนเรามีพลัง มีอิทธิพลในการสร้างสรรค์และผลักดันสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นอย่างมากมาย เรื่องราวดีๆหรือเลวร้ายที่เราประสบพบเจอนั้นมาจากสิ่งที่เราคิดทั้งนั้น กล่าวคือ หากคุณมองโลกในแง่ดี คุณก็จะมีพลังด้านบวกที่คอยสนับสนุนให้ตัวคุณมีพฤติกรรมที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี และคุณก็จะได้รับผลดีเป็นการตอบแทน

ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ความคิดเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด

ในทางกลับกัน หากความคิดของคุณเต็มไปด้วยอคติ จิตใจของคุณก็จะหม่นหมอง หดหู่ ซึ่งจะก่อให้เกิดการกระทำในแง่ลบ และส่งผลร้ายให้กับชีวิตอย่างไม่ต้องสงสัย ความคิดเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง มันสามารถเป็นได้ทั้งเชื้อเพลิงที่ลุกโชติช่วงให้แสงสว่างกับชีวิต และเป็นดั่งไฟที่แผดเผาตัวเราให้มอดไหม้ กล่าวคือ ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร ความคิดเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด

ดังนั้น เราจึงควรปรับเปลี่ยนความคิดของเราให้เป็นไปในด้านบวก เพื่อช่วยสนับสนุนและส่งเสริมพฤติกรรมดีๆให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ คุณสามารถนำเคล็ดลับ 6 ข้อที่ช่วยปลุกความคิดดีๆไปประยุกต์ใช้ และคุณจะได้พบกับชีวิตที่สดใสและสวยงามตลอดไป

1. พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้

แท้จริงแล้ว สมองถูกออกแบบให้มนุษย์เรามีความคิดเชิงลบมากกว่าเชิงบวก สิ่งนี้เชื่อมโยงกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราเจอกับเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ทำให้เราหมดสิ้นหนทาง หรือรู้สึกมืดแปดด้าน สมองจะสั่งการให้ตัวเรามีแรงฮึด และปลุกพลังภายในที่ซ่อนอยู่ เพื่อให้เราสามารถต่อสู้กับสิ่งเลวร้ายได้

แต่เมื่อสมองประมวลผลเหตุการณ์ต่างๆในแง่ลบ ทั้งๆที่เราอยู่ในสถานการณ์ปกติ ผลลัพธ์ก็จะออกมาตรงกันข้าม เพราะคุณจะเกิดความคิดอคติซึ่งส่งผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก และพฤติกรรม

ดังนั้น เมื่อเรารู้เท่าทันธรรมชาติของสมอง เราจึงควรคิดถึงแต่สิ่งดีๆในชีวิต คุณควรรู้สึกขอบคุณครอบครัวที่แสนดี เพื่อนที่น่ารัก งานที่ท้าทาย และระงับความรู้สึกไม่พอใจเรื่องเพื่อนร่วมงานจอมป่วน เจ้านายผู้เข้มงวด ลูกน้องที่ไม่เอาไหน เป็นต้น

วิธีคิดเช่นนี้จะทำให้โลกของคุณเปลี่ยนไป การพอใจใจในสิ่งที่มี และการขอบคุณสิ่งที่ได้รับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้จิตใจของคุณสดใส อิ่มเอม และมีความสุข

2. เชื่อมั่นในศักยภาพของตัวคุณเอง

นักจิตวิทยาหญิงท่านหนึ่งชื่อ คารอล เขียนในหนังสือของเธอว่า “ความคิด” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ความคิดแบบยึดติด และความคิดแบบยืดหยุ่น ผู้ที่มีความคิดยึดติดเป็นพวกที่เชื่อว่าความสามารถของตนเองเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยาก พวกเขามักคิดว่าตนเองเก่งหรือแย่ในด้านใดด้านหนึ่งอย่างสุดโต่ง

และเมื่อพวกเขาเจอกับอุปสรรค พวกเขาก็จะยอมแพ้โดยง่าย นอกจากนี้ เมื่อพวกเขาเห็นความสำเร็จของคนอื่น ความรู้สึกกลัว ความผิดหวัง และความพ่ายแพ้ก็จะผุดขึ้นมาในหัวของพวกเขาทันที ในทางกลับกัน คนอีกประเภทที่มีความคิดยืดหยุ่น พวกเขาเชื่อว่าคนเราสามารถปรับปรุงและพัฒนาได้

ดังนั้น เราจะเห็นคนกลุ่มนี้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และพยายามปรับตัวให้เข้ากับสิ่งรอบข้างตลอดเวลา พวกเขาเข้าใจว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น จึงไม่น่าแปลกใจว่าศักยภาพของพวกเขาจะเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

หากเปรียบเทียบระหว่างกลุ่มคนที่มีความคิดแบบยึดติดกับกลุ่มคนที่มีความคิดแบบยืดหยุ่น จะพบว่าคนที่มีความคิดยืดหยุ่นจะรู้สึกสงบและมีความสุขในชีวิตมากกว่า เพราะพวกเขาสามารถควบคุมสิ่งต่างๆได้ดี พวกเขามีอิสระที่จะทำตามที่ใจต้องการ และประสบความสำเร็จมากกว่า

3. รักษาความเป็นตัวของตัวเอง และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

บ่อยครั้งที่เรารับฟังคำพูด คำวิจารณ์ และความคิดเห็นของคนอื่นๆมากจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น สื่อในโลกออนไลน์ก็มีอิทธิพลต่อความคิดของคนในยุคปัจจุบันอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ทำให้เราหลงทาง และลืมความเป็นตัวของตัวเองไป ตัวอย่างง่ายๆ

เช่น คุณเป็นคนชอบสีเขียว แต่ตอนนี้สีดำกำลังเป็นที่นิยม ดังนั้น คุณจึงเลือกซื้อสิ่งของที่มีสีดำเพื่อให้ทันสมัยกับกระแสสังคมในปัจจุบัน พฤติกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่คุณรู้สึกกลัวหรือไม่มั่นใจในตัวเอง คุณจึงพยายามปรับเปลี่ยนหรือทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองดูดีในสายตาของคนอื่น

แต่ความเป็นจริงแล้ว คุณไม่ได้เป็นเช่นนั้นคุณต้องเสแสร้งแกล้งทำในสิ่งที่คนอื่นต้องการเพื่อให้คนอื่นพอใจ เพราะคุณเชื่อว่าคุณจะเป็นที่รักของคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การซ่อนความเป็นตัวตนไว้ภายใน ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง เพียงเพื่อทำให้คนอื่นพอใจ สุดท้ายแล้วตัวคุณเองก็จะไม่มีความสุขวิธีการแก้ไขก็คือ คุณควรติดต่อสื่อสารกับผู้คนรอบข้าง เปิดใจให้กว้าง และยอมรับกับความแตกต่างหลากหลาย

แต่สิ่งสำคัญก็คือ คุณต้องไม่ปล่อยให้ความเชื่อของบุคคลอื่นครอบงำชีวิตหรือบดบังความเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณ การปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าทุกคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ทุกคนมีความโดดเด่น และมีความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น จงรักษาสิ่งที่มีคุณค่านี้ไว้

4. มองโลกในแง่ดี

การมองโลกในแง่ดีเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่จะช่วยให้ชีวิตคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หากคุณมองโลกในแง่ร้าย คุณก็จะกลายเป็นคนที่ขี้ระแวง ใจแคบ ไม่มีการพัฒนา และแน่นอนว่าคุณจะไม่มีความสุข ในทางตรงกันข้าม หากคุณมองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส คุณจะเปิดใจยอมรับสิ่งต่างๆในชีวิต และทำให้คุณมีโอกาสเพิ่มมากขึ้น

เช่น สมมุติว่าหัวหน้าเสนองานชิ้นหนึ่งให้คุณทำ หากคุณมองในแง่ลบ คุณจะคิดว่างานชิ้นนั้นยากมาก คุณไม่มีทางทำได้สำเร็จ มันจะทำให้คุณเหนื่อยเปล่า และเบียดบังเวลาในการทำงานอื่นๆของคุณ

ในทางตรงกันข้าม หากคุณมองในแง่บวก คุณจะรู้สึกว่าหัวหน้าไว้วางใจให้คุณทำงานชิ้นนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสพิสูจน์ความสามารถ และพัฒนาตนเอง อุปสรรคต่างๆเป็นสิ่งที่ต้องผ่านไปให้ได้ หากคุณทำงานชิ้นนี้สำเร็จ คุณจะได้รับการยอมรับมากขึ้น และนั่นจะเป็นบันไดที่ทำให้คุณก้าวไปสู่ดวงดาว

5. อย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น

คุณเคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่านิ้วมือทั้งห้าของคนเรายาวไม่เท่ากัน แต่นิ้วมือทุกนิ้วมีความสำคัญหมด มนุษย์เราก็เช่นกัน ทุกคนมีข้อดีของตัวเอง ดังนั้น จงอย่าเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น วิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต่างให้ความสำคัญกับเปลือกภายนอก

เราโพสต์รูปอาหารการกิน ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และสิ่งอื่นๆเพื่อให้ตนเองดูดี และมีคุณค่า หากคุณปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความคิดของคุณ คุณจะพบกับความเหนื่อยใจ เพราะคุณจะวิ่งไล่ตาม และเสาะแสวงหาสิ่งที่คุณเห็นว่าสามารถให้ความสุขแก่คุณได้ แท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นความสุขจอมปลอม คุณไม่มีทางที่จะพบกับความสุขสงบได้ หากคุณเอาคนอื่นเป็นที่ตั้ง

ดังนั้น เพียงแค่คุณรู้ว่าตัวคุณต้องการอะไร คุณมีความสุขกับสิ่งไหน คุณก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉาหรืออยากมีชีวิตแบบคนอื่นๆ เพราะสิ่งที่คุณสัมผัสได้ให้ความสุขกับคุณมากพอแล้ว

6. เชื่อมั่นในความเป็นไปได้

ความคิดเป็นตัวกำหนดทิศทางของชีวิต ดังนั้น หากคุณเริ่มต้นทำสิ่งใด และคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ คุณก็จะไม่มีทางพบกับความสำเร็จ คุณสามารถเปลี่ยนวิธีคิดแบบนี้ได้โดยการตั้งคำถามและคิดว่ามันเป็นไปได้

เช่น หากคุณเชื่อว่าคุณไม่สามารถทำงานชิ้นหนึ่งได้ ให้คุณลองตั้งคำถามกับตัวเองว่าฉันจะสามารถทำมันให้สำเร็จได้อย่างไร หรือหากคุณทำงานชิ้นหนึ่งและมันไม่ได้ผล คุณก็ลองเปลี่ยนมาตั้งคำถามใหม่ว่า จะสามารถทำมันให้ได้ผลได้อย่างไร

การเปลี่ยนแปลงจากประโยคปฏิเสธเป็นประโยคคำถาม คือการกระตุ้นพลังความคิดอีกวิธีหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆสามารถเป็นไปได้ เพราะทุกสิ่งเริ่มต้นที่ความเชื่อ ดังนั้น หากคุณเชื่อว่าเป็นไปได้ ประตูแห่งโอกาสจะเปิดรับคุณเอง

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand

(ที่มา: http://www.lifehack.org/319379/simple-mindsets-that-can-make-you-calm-and-happy-every-day)


สร้างความสุข และความสำเร็จในชีวิต

ด้วยการฝึก “ทักษะการฟัง” เพื่อให้เกิดการสื่อสารที่แท้จริงต่อกัน

หลักสูตร “ฟังเป็น เปลี่ยนชีวิต”

หลักสูตร 1 วัน ที่จะเปลี่ยนมุมมองความคิด เปลี่ยนชีวิตด้วยการฟัง 

ดูรายละเอียดคอร์สนี้คลิกที่นี่

30 เรื่องจิ๋วแต่แจ๋ว ทำแล้วสุขสุดๆ

little-things-you-can-every-day-refresh-your-life

เชื่อว่าทุกคนเกิดมาคงเคยมีความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น บางคนทุกข์เนื่องจากกังวลว่าตนเองจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ หรือประสบความสำเร็จมากพอหรือยัง บางคนมักเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่นๆและมักรู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอหรือมีสิ่งที่ขาดหายไปบางคนเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย เจ้าคิดเจ้าแค้น เห็นแก่ตัว เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้คนเรามีจิตใจโศกเศร้า หม่นหมอง หรือเกิดความทุกข์นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม จงอย่าลืมว่าชีวิตคนเราสั้นนัก อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องที่ทำให้เราไม่สบายใจ เราควรใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าและทำให้ตนเองมีความสุขมากที่สุดบทความนี้เปิดเผยเรื่องราวง่ายๆในชีวิตประจำวันที่คุณสามารถทำได้เพื่อเติมความสุขให้กับชีวิตของคุณ

1) ทำสิ่งที่คุณชอบทำตอนเด็กๆ เช่น นั่งชิงช้า เล่นเกม หรืออ่านหนังสือการ์ตูน คุณจะรู้สึกเพลิดเพลินกับกิจกรรมที่ไม่ได้ทำมานาน และนั่นจะทำให้คุณยิ้มได้

2) ฟังเพลงอัลบั้มโปรดสมัยที่คุณยังวัยรุ่น และหวนรำลึกถึงช่วงเวลา ณ ตอนนั้น สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกเบิกบานใจและกระชุ่มกระชวย

3) เดินเตร็ดเตร่ยามเย็นในสถานที่ร่มรื่น เช่น อุทยาน หรือ สวนสาธารณะ คุณจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ และรู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้น

4) หากคุณมีโอกาส ลองเต้นหรือทำท่าทางแปลกประหลาด คุณอาจทำในครัว ริมถนน หรือในห้องน้ำ และเมื่อคุณได้ปลดปล่อย คุณจะอารมณ์ดีขึ้น

5) เดินสำรวจสถานที่ต่างๆในละแวกที่คุณพักอาศัยคุณอาจลองเข้าไปซื้อของในร้านใหม่ๆ หรือลองทานอาหารเมนูใหม่ๆ สิ่งนี้จะทำให้คุณพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ และคุณอาจจะพบสิ่งที่คุณกำลังตามหาก็ได้

6) ชงเครื่องดื่มร้อนๆถ้วยโปรด เช่น ชา โกโก้ หรือช็อคโกแล็ตและนั่งจิบมันอย่างช้าๆบนโซฟา แค่นี้คุณก็จะรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจแล้ว

7) ลองเล่นโยคะหรือออกกำลังกายเบาๆ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกดีและกระฉับกระเฉงมากขึ้น

8) ฟังเพลงโปรดพร้อมๆกับจุดเทียนหอมในห้องนอนของคุณ เมื่อประสาทสัมผัสทางการได้ยินและได้กลิ่นทำงาน คุณจะรู้สึกผ่อนคลาย

9) เขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณ 3 สิ่งในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย เช่น ขนมชิ้นเล็กๆที่ทำให้คุณอิ่มท้อง ไปจนถึงบุคคลที่คุณรักเช่นเพื่อนหรือครอบครัว

10) ทำสิ่งที่คุณรักและมีความสำคัญกับคุณ เช่น การเขียนหนังสือ การเล่นดนตรี การปลูกต้นไม้ หรือการทำงานฝีมือ เป็นต้น กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้คุณได้พักผ่อนหย่อนใจ และช่วยให้คุณมีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น

11) ร้องเพลงที่คุณชอบ เพราะคุณจะรู้สึกผ่อนคลายและได้ปลดปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงเพลง

12) ลองรับประทานอาหารเช้าบนเตียงสักครั้ง อย่าลืมว่าต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์และรสชาติอร่อย สิ่งนี้ช่วยให้คุณเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างสดใส

13) ลองปลูกต้นไม้ หรือดอกไม้บ้าง เพราะมันจะช่วยให้คุณใจเย็นลง แต่หากบ้านของคุณไม่มีสวน คุณอาจลองเลี้ยงต้นไม้ที่ปลูกในร่มได้

14) ทำอาหารจานโปรดทานเอง โดยใส่ใจกับขั้นตอนการปรุงและการรับประทานอาหาร ซึ่งคุณจะพบว่าอาหารช่วยให้คุณผ่อนคลาย และอารมณ์ดีขึ้นได้

15) เยี่ยมชมสถานที่สาธารณะบริเวณใกล้ๆชุมชนที่คุณอาศัยอยู่ เช่น พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด หรือสวนสาธารณะ สถานที่เหล่านี้จะทำให้คุณพบกับประสบการณ์แปลกใหม่

16) หากคุณมีสัตว์เลี้ยง จงให้เวลากับมัน โดยการกอดมัน พามันไปเดินเล่น หรืออาบน้ำให้มัน

17) การวาดภาพ หรือระบายสีสามารถช่วยให้คุณผ่อนคลายและทำให้คุณเกิดจินตนาการใหม่ๆได้ แต่หากคุณไม่มีเวลามากนัก เพียงแค่สเก๊ตช์ภาพเร็วๆก็ได้

18) ในตอนต้นสัปดาห์ คุณอาจทำของว่างที่อร่อยและมีประโยชน์ เช่นขนมปังธัญพืช เพื่อที่ตลอดทั้งสัปดาห์คุณจะมีของทานเล่นที่สามารถรองท้องและทานได้ในทันที

19) ใช้เวลากับเพื่อนหรือคนที่คุณรัก โดยการทานข้าวร่วมกัน ดูโทรทัศน์ร่วมกัน หรือฟังเพลงร่วมกัน สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก

20) เริ่มอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่คุณยังไม่เคยอ่าน และคุณจะพบเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย

21) เมื่อคุณมีโอกาส ลองกล่าวชื่นชมและขอบคุณเพื่อนหรือผู้ร่วมงานของคุณ แน่นอนว่าพวกเขาจะรู้สึกดีเมื่อได้รับคำชม และนี่เป็นวิธีการเผื่อแผ่ความสุขให้กับคนรอบข้างอีกทางหนึ่ง

22) หากคุณตื่นขึ้นมาและพบว่าเป็นวันที่อากาศดี ท้องฟ้าแจ่มใส และปลอดโปร่ง คุณควรออกไปทานข้าวนอกบ้าน เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศดีๆเหล่านั้น

23) ทำขนมที่คุณชอบและแบ่งให้กับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนๆ เพราะ “การให้” จะทำให้คุณรู้สึกดี สบายใจ และมีความสุข

24) ผ่อนคลายตัวเองด้วยการหมักผม มาสก์หน้า หรือนวดน้ำมัน กิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจเหล่านี้ทำให้คุณมีความสุขได้เช่นกัน

25) ทำงานอดิเรกที่ช่วยพัฒนาให้คุณมีทักษะใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ เช่น การเย็บปักถักร้อย การปลูกต้นไม้ การเล่นดนตรี เป็นต้น

26) ในช่วงเวลาของการอาบน้ำ คุณอาจจะตีฟองนุ่มๆและจุดเทียนหอมเพื่อการผ่อนคลาย

27) ลองยิ้มให้กับคนแปลกหน้าที่คุณพบเจอตามถนน แล้วคุณจะพบว่ามิตรภาพดีๆสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

28) การสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ เช่น การชมพระอาทิตย์ขึ้น หรือชมพระอาทิตย์ตกสามารถสร้างความสุขและความประทับใจให้คุณไม่รู้ลืม

29) ชมภาพยนตร์สนุกๆหรือตลกๆที่ทำให้คุณยิ้มได้ วิธีการนี้ช่วยให้คุณได้ปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมานาน

30) ติดต่อกับคนที่คุณไม่ได้ติดต่อมานาน เช่น เพื่อนสมัยมัธยม หรือเพื่อนร่วมงานที่เก่า แล้วคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

เรียบเรียงโดย Learning Hub Thailand

(Source: http://www.lifehack.org/309278/little-things-you-can-every-day-refresh-your-life)

4 นิสัยสร้างสุขที่คุณทำได้ ง่ายกว่าที่คิด

“ความสุขไม่ใช่สิ่งสำเร็จรูป แต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำของเราเอง” – องค์ดาไล ลามะ

คุณไม่สามารถมีความสุขได้ตลอดเวลา แต่คุณสามารถที่จะเรียนรู้การมีความสุขผ่านช่วงเวลาที่ดีและร้ายในชีวิต มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณไม่มีความสุขเพราะเจ้านายคุณงี่เง่า แฟนคุณไม่ได้ดั่งใจ หรือเพื่อนคุณพูดอะไรขัดหู แต่ทั้งหมดนั้นมันมาจากตัวคุณเอง คุณไม่มีความสุขกับงาน คุณไม่มีความสุขกับเรื่องต่างๆ เพราะตัวคุณ และใจคุณเองเป็นคนกำหนด

ความสุขของคุณอาจไม่ใช่ความสุขของคนอื่น หรือความสุขของคนอื่นอาจเป็นความทุกข์ของคุณ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ที่ต้องมีปฎิสัมพันธ์กัน คุณไม่สามารอยู่คนเดียวได้โดยไม่พึ่งพาคนอื่น ด้วยสังคม อาชีพ หน้าที่การงาน และความรับผิดชอบ อาจทำให้คุณและคนรอบตัวคุณเกิดผิดใจกัน หรือ ทำให้เกิดความสุขน้อยลง จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง และจุดแตกหักภายหลัง เราไม่สามารถควบคุมความสุขจากสิ่งแวดล้อมภายนอกได้ แต่เราสามารถควบคุมตัวเราเอง โดยการสร้างพฤติกรรมที่ทำให้เรามีความสุขจำภายในได้

พฤติกรรมที่ทำให้คุณมีความสุข

คุณสามารถมีความสุขจากสิ่งเล็กๆน้อยๆในชีวิตประจำวันของคุณได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณมองข้าม และคุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินฟุ่มเฟือย หรือ ใช้แรงกายมากมายในการสร้างความสุขเหล่านั้นให้เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณ

1.เขียน 3 สิ่งที่ทำให้คุณมีความสุขในแต่ละวัน

คุณอาจเริ่มการจดบันทึก หรือ เขียนสิ่งที่ทำให้คุณยิ้ม หัวเราะ หรือมีความสุขในวันนี้ คุณแค่ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง และทบทวนว่าวันนี้คุณทำอะไรบ้าง สิ่งไหนที่ทำให้คุณรู้สึกดี และสิ่งไหนที่คุณไม่ชอบ ทำให้คุณอึดอัด กังวล หรือคิดมาก คุณจะค้นพบตัวเองว่าคุณชอบทำอะไร และอะไรคือสิ่งที่สร้างความสุขให้คุณในแต่ละวัน มันไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่ทำให้คุณยิ้มได้ มันอาจเป็นอะไรเล็กๆน้อยๆ ระหว่างวันก็ได้ ขอเพียงแค่คุณรู้สึกดีกับมันก็พอ

2.ช่วยเหลือผู้อื่น

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณนึกถึงแต่ตัวเอง ทำทุกอย่างทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง หรือเอาความต้องการของตัวเองเป็นหลัก เมื่อนั้นคือคุณกำลังเป็นคนที่ไม่มีความสุข เพราะคุณมองแค่มุมเดียวจากตัวเอง อะไรที่ไม่ได้ดังใจ หรือขัดใจ จะทำให้คุณมีอารมณ์ขุ่นมัว และรู้สึกหงุดหงิด แต่ถ้าคุณลองเปิดใจ ลองมองโลกในมุมของคนอื่น คุณจะเห็นความทุกข์ของคนอื่น และรู้ดีว่าคุณโชคดีกว่าพวกเขามากแค่ไหน คุณสามารถที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้ เพื่อทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขาดีขึ้น การให้โดยที่ไม่หวังผลตอบแทน และเห็นคนที่คุณช่วยเหลือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการช่วยเหลือของคุณ คุณจะรู้สึกอิ่มเอม ตื้นตัน และมันเป็นความสุขที่ไม่สามารถซื้อได้

3.ทำสมาธิ

การทำสมาธิ คือพื้นฐานที่จำเป็นของชีวิต และคุณควรฝึกเป็นนิสัย การทำสมาธินอกจากทำให้จิตใจคุณสงบ รู้สึกผ่อนคลาย มันยังเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คุณได้อยู่กับความคิด และอยู่กับตัวเองจริงๆ ทำให้คุณมีสติรับรู้ ตกผลึกทางความคิดมากขึ้น การทำสมาธิทำให้คุณใช้ชีวิตและให้ความสำคัญกับคำว่าปัจจุบัน เพราะความทุกข์ที่เกิดส่วนใหญ่ในใจคุณมักมาจากการที่ไม่สามารถลืมอดีตอันเจ็บปวด หรือการกังวลไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง การทำสมาธิจะทำให้คุณลดความกังวลและอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น การทำสมาธิสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา และไม่มีค่าใช้จ่ายต้นทุนใดๆ นอกจากต้นทุนเวลา คุณสามารถฝึกสมาธิแค่เพียง 2 นาทีต่อวัน เพียงแค่คุณสังเกตและพิจารณาลมหายใจเข้าออก คุณก็จะรับรู้ถึงความสงบสุขในใจได้

4.ออกกำลังกาย

ทุกคนรู้ว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งดี แต่การออกกำลังกายไม่ได้ทำให้ร่างกายคุณกระปรี้กระเปร่าเท่านั้น แต่ยังทำให้จิตใจคุณปลอดโปร่งอีกด้วย การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายของคุณหลั่งฮอร์โมนซึ่งเป็นสารความสุข ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขมากขึ้น ถ้าคุณไม่ได้ออกกำลังกายเป็นนิสัย คุณสามารถเริ่มจากการออกกำลังกายเบาๆก่อนก็ได้ เพื่อให้ร่างกายคุณเริ่มชินและให้เวลากับคุณในการปรับตัว ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องออกกำลังกายเป็นชั่วโมง คุณสามารถแบ่งเวลาการออกกำลังกายได้แค่ 5-10 นาที ที่บ้าน ถึงแม้ว่าคุณจะยุ่งมากแค่ไหน แต่คุณก็ควรจัดตารางเพื่อการออกกำลังกายนี้ เพียงแค่ไม่กี่นาทีต่อวัน กับกิจกรรมที่ทำให้คุณแข็งแรงขึ้นและมีความสุขขึ้น

มีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่เพิ่มพูนความสุขของคุณในแต่ละวัน เช่น การกินอาหารที่อร่อย การดื่มชา การเล่นโยคะ การพบปะสังสรรค์กับเพื่อนเก่า อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขและสนุกกับสิ่งนั้น จงทำมันบ่อยๆ แต่ถ้าอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกกังวล จงถอยออกห่าง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือ การเพิ่มความสุขให้กับชีวิตเล็กๆน้อยๆ มันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ ใช้เงินมหาศาล ใช้เวลามาก หรือทำให้คุณเปลี่ยนวิถีการดำรงชีวิต คุณสามารถเริ่มได้จากสิ่งเล็กๆ แต่ทำมันอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเต็มใจ และคุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในชีวิต

เรียบเรียงโดย ทีม Learning Hub Thailand

http://zenhabits.net/brighten/

10 วิธี ที่ทำให้คุณเลิกนิสัยแย่ๆ

10 ways to make quitting a bad habit

คุณอาจเคยหงุดหงิดกับนิสัยแย่ๆของตัวเอง  ที่บางครั้งคุณก็รู้อยู่แกใจว่านิสัยเหล่านี้ไม่มีใครชอบ และคุณก็ไม่อยากที่จะมีนิสัยแย่ๆแบบนี้หรอก แต่ว่าคุณก็เลิกทำไม่ได้ซักที   คุณสามารถที่จะค่อยๆลด และเลิกนิสัยแย่ๆของคุณได้ โดยการลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตาม 10 ข้อ ที่แนะนำนี้  คุณไม่จำเป็นที่จะต้องทำทุกข้อ แต่ถ้ายิ่งทำได้หลายข้อ มันก็จะยิ่งเป็นประโยชน์กับตัวคุณเอง

1.สร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่

ถ้าคุณตั้งใจจะเลิกสูบบุหรี่แบบจริงจัง มันไม่ใช่แค่ว่า ถ้าหยุดสูบแล้วจะดีกับสุขภาพคุณเอง แต่คุณต้องมีทัศนคติ และความเชื่อมที่ยิ่งใหญ่ก่วานั้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีในการเลิกสูบบุหรี่ เช่น ทุกครั้งที่ฉันสูบบุหรี่ ฉันกำลังตายผ่อนส่งอยู่ หรือ คนที่ฉันรู้จักตายเพราะมะเร็งปอด ถ้าไม่อยากตายแบบทรมาน ฉันต้องเลิกพฤติกรรมแย่ๆนั้นเดี๋ยวนี้

 

2.สัญญากับตัวเอง

คุณสัญญากับตัวเอง ว่าคุณจะไม่ทำสิ่งแย่ๆอีก แต่นั่นอาจไม่พอ เพราพอถึงเวลาจริงๆ คุณอาจใจอ่อนกับตัวเอง เทคนิคก็คือ คุณต้องบอกเพื่อนรอบข้าง บอกคนใกล้ชิด บอกให้โลกรู้ ว่าคุณมีแผนจะลด ละ เลิกสิ่งที่ไม่ดี และเมื่อคุณมีความคิด หรือ อยากจะไปทำพฤติกรรมแย่ๆอีก  พวกเขาเหล่านั้น คือคนที่จะมาเตือนสติคุณ ให้กำลังใจคุณ และอยู่เคียงข้างคุณ ไม่ให้คุณกลับไปใช้ชีวิตแย่ๆแบบเดิมอีก

 

3.ระวังสิ่งกระตุ้น

อะไรคือสิ่งหลักที่กระตุ้นให้คุณมีพฤติกรรมแย่ๆเหล่านั้น คุณต้องหามันให้เจอ และคอยระวังมัน ไม่ให้คุณไปถึงจุดนั้น เช่น คุณสูบบุหรี่ก็ต่อเมื่อมีคนชวน  เห็นคนสูบบุหรี่ หรือได้กลิ่นบุหรี่ สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นสัญชาติญาณดิบของคุณ โดยที่คุณไม่สามารถหักหามใจได้  คุณจะรู้สึกหงุดหงิด และห้ามตัวเองไมได้ จงสังเกตตัวเองให้ดีว่าอะไรคือสิ่งเร้า หรือสิ่งกระตุ้น ให้คุณเลิกนิสัยแย่ๆแบบนี้ไม่ได้ซักที

 

4.รู้ที่มาของพฤติกรรมแย่ๆ

อะไรคือปัจจัยหรือสาเหตุที่ทำให้คุณมีพฤติกรรมแย่ๆเหล่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุ คุณต้องหาสาเหตุนั้นให้เจอ โดยการพิจารณาตัวเอง และซื่อสัตย์กับตัวเอง เช่น ถ้าคุณเป็นคนอ้วน เพราะชอบกินของหวาน และคุณอยากที่จะเลิกกินของหวาน เพราะรู้ว่ามันไม่ได้ดีกับสุขภาพ และทำให้คุณยิ่งอ้วน คุณต้องหาสาเหตุให้เจอว่าทำไมคุณถึงอยากกินของหวาน ชอบกินของหวานตอนไหน  ยกตัวอย่างเช่น คุณอยากกินของหวานตอนที่คุณรู้สึกเครียด รู้สึกเศร้า หรือรู้สึกหดหู่ ของหวานจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น

 

5.หากิจกรรมอื่นทดแทน

คุณอาจชอบสูบบุหรี่ ชอบใช้ความรุนแรงกับผู้อื่น หรือ ชอบกินอาหารที่ทำลายสุขภาพ เมื่อคุณเครียด หรือ ท้อแท้  คุณสามารถแก้พฤติกรรมแย่ๆเหล่านี้ได้ โดยการหากิจกรรมอื่นมาทดแทน เพื่อบำบัด ความเครียด หรือระบายความรู้สึกของคุณ เช่น สมัครคอรส์เรียนชกมวย  ดูหนัง ร้องคาราโอเกะ  แต่กิจกรรมใหม่ๆที่หามาทดแทน ควรจะมีเพื่อนหรือคนรัก คอยให้กำลังใจคุณด้วย

 

6.มีสติกับสิ่งกระตุ้นรอบตัว

หลังจากที่คุณรู้แล้วว่าสิ่งไหนเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้คุณมีพฤติกรรมแย่ๆ คุณควรที่จะระวัง และอยู่ห่างปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดสิ่งกระตุ้นเหล่านั้น  เช่น ถ้าคุณได้ยินเสียงน้ำแข็งกระทบแก้ว แล้วทำให้คุณอยากเหล้า หรือ ได้กลิ่นควันจางๆแล้วทำให้คุณอยากสูบบุหรี่ จงมีสติ ดื่มน้ำ และหายใจเข้าออกช้าๆ คุณสามารถให้เพื่อนคุณช่วย และคุณควรเดินออกจากสิ่งแวดล้อมตรงนั้นให้เร็วที่สุด

 

7.สร้างนิสัยใหม่ๆหลังจากเจอสิ่งกระตุ้น

มันยากมากที่จะเปลี่ยนนิสัย หรือสัญชาตญานหลังจากที่คุณทำมันมานานแสนนาน แต่คุณสามารถเริ่มนิสัยใหม่ได้ ด้วยการมีสติ และความเชื่อ คุณต้องพึงระลึกอยู่เสมอ และแข็งใจกับสิ่งเร้าหรือสิ่งกระตุ้นต่างๆรอบข้าง เช่น ทุกครั้งที่คุณได้กลิ่นบุหรี่ แล้วอยากสูบบุหรี่ ให้คุณเปลี่ยนไปเคี้ยวหมากฝรั่งแทน ทำมันทุกครั้งจนติดเป็นนิสัยใหม่ แต่ถ้ามันเกิดข้อผิดพลาดที่คุณไม่สามารถหักห้ามใจ หรือเผลอที่จะมีหรือแสดงพฤติกรรมแย่ๆออกมา คุณควรให้อภัยตัวเอง และเริ่มใหม่ให้เร็วที่สุด

 

8.ระวังความคิดของคุณ

เพราะความคิด และความเชื่อมีผลต่อพฤติกรรม และการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในชีวิตคุณ คุณต้องระวังความคิดคุณให้มาก  ถ้าจะมีเหตุผลหรือข้อแก้ตัวสำหรับพฤติกรรมแย่ๆ เช่น วันนี้วันเกิดฉัน ขอเว้นวรรคสักวัน หรือ ฉันเพิ่งปิดจ็อบงานนี้สำเร็จขอให้รางวัลตัวเองหน่อย  คุณควรหยุดความคิดแบบนี้ ในการเข้าข้างตัวเอง ถ้าคุณอยากจะเลิกนิสัย หรือ พฤติกรรมแย่ๆของตัวเอง

9.ค่อยๆเลิก

มันไม่จำเป็นที่จะต้องหักดิบ เลิกทันที เลิกเลย คุณสามารถค่อยๆลด และละ จนเลิกได้ เช่นถ้าคุณอยากเป็นคนตื่นเช้า แต่ปกติคุณตื่นเที่ยงตลอด คุณอาจเริ่มด้วยการตื่นตอน 11 โมง  และวันต่อไปๆ คุณอาจเริ่มนอนให้เร็วขึ้นครึ่งชั่วโมง และตื่นให้เร็วขึ้นครึ่งชั่วโมง  การที่ตั้งเป้าทีละเล็กละน้อย ในแต่ละวัน มันเป็นเป้าหมายที่ทำได้ง่าย และคุณจะรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าคุณทำมันสำเร็จในแต่ละวัน มันเป็นกำลังใจที่ดีที่ทำให้คุณไปถึงเป้าหมายของคุณได้ง่ายขึ้น และทำให้คุณเป็นคนใหม่

 

10.เรียนรู้จากข้อผิดพลาด

บางครั้งเราก็พลาดได้ ให้อภัยตัวเอง ล้มแล้วลุกขั้นใหม่ให้เร็วที่สุด พิจารณาสิ่งที่เกิดตามความเป็นจริง ไม่เข้าข้างใคร ยอมรับมัน และหาแผนสำรองเพื่อกันไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก และทุกครั้งที่มันเกิดขึ้นซ้ำ คุณจะต้องรับมือมันได้ดีกว่าเดิม คุณต้องมีพัฒนาและเข้มแข็งขึ้น การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดคือสิ่งที่ทำให้คุณใกล้เป้าหมายมากยิ่งขึ้น

 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนเราจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ หลายคนล้มเลิกความตั้งใจกลางครันเพราะมองข้ามสิบข้อเหล่านี้ จงอย่าเป็นไอ้ขี้แพ้  ทุกคนสามารถเอาชนะใจตัวเองได้ เพียงแค่คุณใช้ความตั้งใจ ความพยายาม และแรงบันดาลใจ

 

 

 

 

เรียบเรียงโดย ทีม Learning Hub Thailand

http://zenhabits.net/bad/

 

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • Google Ads, Google Analytics

    Statistics

  • Google Analytics

    Statistics

  • Facebook

    Marketing/Tracking

  • ActiveCampaign

    Functional

  • ActiveCampaign

    Marketing/Tracking

Save